- สำหรับ ตัวละครนี้ในร่างมนุษย์ หรือเพลงของ Sia เข้า Rainbow Dash (EG) และ Rainbow (เพลง)
เรนโบว์แดช | |
---|---|
ประเภท | เปกาซัส |
เพศ | หญิง |
ที่อยู่ | คลาวโดมีเนียม เหนือ โพนี่วิลล์ คลาวด์สเดล (ตอนเด็ก) |
อาชีพ | คนตรวจตราสภาพอากาศ แห่งโพนี่วิลล์ วอนเดอร์โบลท์ (เด็กฝึกตั้งแต่ S3E7; ตัวสำรองตั้งแต่ S4E21; ตัวเต็มตั้งแต่ S6E7) อาจารย์ด้านความภักดีใน โรงเรียนแห่งมิตรภาพ (ตั้งแต่S8E1 ) หัวหน้าวอนเดอร์โบลท์ (S9E26) สมาชิกองคมนตรีแห่งมิตรภาพ (S9E26) |
ลิ้งค์เพิ่มเติม |
|
ข้อมูลเพิ่มเติม | |
---|---|
สีตา | ซีไรส์กลาง |
สีแผงคอ | ดอกบานไม่รู้โรยยอดเยี่ยม แดงเข้มยอดเยี่ยม มะกกเทาอ่อนซีด สีสรรค์กลาง ซีลูรีนกลาง ม่วงกลาง |
สีขน | ซีลูรีนเทาอ่อนซีด |
วันเกิด | 14 เมษายน[2] |
ชื่อเล่น | แดชชี่, อาร์ดี, แดช, สปีดดี้, เรนโบว์แคลช, เรนโบว์ โยกเยก, เรนโบว์ "ภัย" แดช, เรนโบว์ "มืออาชีพ" แดช, แซป, กัปตันสวยจี๊ด, ไดนามิก แดช, หนูน้อยผู้ตรงไปตรงมา, เรนบูมนักอ่าน, สาวขี้แคร์, เรนโบว์ แฟช, เรนโบว์ "นักเหินนภาที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้" แดช, เรนโบว์, แดริ่งแดช, แดชจอมสังหาร, ดอกเบโกเนียสีฟ้า, คุณนาย แดช 'โบว์, เรนโบว์แฟลช, เดอะแดช, เรนโบว์ แสมช, แดชชี่-คินส์, ศาตราจารย์ผู้คงแก่เรียน, Rd (The Periodic Table of My Little Pony) |
ครอบครัว | โบว์ ฮอทฮูฟ (บิดา) วินดี้ วิสเซิล (มารดา) |
คิ้วตี้มาร์ค | |
เสียงพากย์ | แอชลี่ บอล (อังกฤษ) บริตานี ลาวดา (อังกฤษ, My Little Pony: Power Ponies)[1] ธันวา ภักดีอำนาจ (ไทย) ภัทร์ศรัณย์ เรือนนาค (ไทย, มูฟวี่) |
เสียงร้อง |
แอชลี่ บอล (อังกฤษ) ธันวา ภักดีอำนาจ (ไทย ซีซั่น 1-7) อารยา มะริด (ไทย ซีซั่น 8-9) |
เรนโบว์แดช (Rainbow Dash) เป็นตัวละหลักในซีรี่ย์ My Little Pony Friendship Is Magic ปรากฏตัวตั้งแต่ตอนแรก เธอเป็นเปกาซัสตัวสีฟ้า ผมสีรุ้ง มีนิสัยทอมบอย กล้าหาญ โดดเดี่ยว และมีความภักดี แต่บางครั้งก็มีนิสัยขี้แกล้งและอิจฉา มีความสามารถด้านการบู๊เป็นหลัก เรนโบว์แแดชนั้นถือได้ว่าเป็นตัวละครที่ใครๆก็ย่อมรู้จักไปหมดรวมถึงคนที่ไม่ได้ดูก็ได้ยินผ่านๆมาบ่อยที่สุดมากกว่าตัวอื่น และยังปรากฏตัวแทบทุกเจเนเรชั่นของ My Little Pony แต่เป็นคนละจักรวาลนะ ในซ๊รี่ย์เธอเป็นตัวแทนของความภักดีของธาตุแห่งความปรองดอง มีอาชีพเป็นวอนเดอร์โบลท์สมาคมนักกรีฑาที่โด่งดังที่สุด และผู้เฝ้าดูสภาพอากาศ อาศัยที่โพนี่วิลล์กับเพื่อนของเธอ ส่วนมากจะเข้ากันได้ดีแต่บางครั้งก็ทะเลาะกันบ้าง ถือว่าเป็นตัวละครที่พิสูจน์ว่าผู้หญิงก็สามารถทำอะไรหนักๆไม่แพ้ผู้ชายได้เช่นกัน
ประวัติและเรื่องราว[]
วัยเด็กและวัยรุ่น[]
ณ เมืองคลาวส์เดลล์ มีโพนี่สองตัวได้ตกหลุมรักกัน ผู้ชายมีชื่อว่า Bow Hothoof(โบว์ฮอทฮูฟ) ส่วนผู้หญิงมีชื่อว่า Windy Whistles (วินด์ดี้ วิสเซิล) ทั้งคู่ได้แต่งงานและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน พวกเขาได้ตั้งชื่อว่า "เรนโบว์แดช" ทั้งคู่เลี้ยงดูปูเสื่อแดชน้อยมาเป็นอย่างดี ทำอะไรก็ชื่นชมและให้รางวัลไปหมด แม้เธอจะทำเรื่องไม่ดีก็ตาม แดชน้อยชื่นชอบในการบิน เธอนั้นฝึกฝนและพยายามในการเหินเวหามาโดยตลอด ซึ่งนั่นทำให้เธอบินเก่งกว่าเปกาซัสวัยเดียวกันเสียอีก เธอมักแสดงความสามารถนี้ให้พ่อแม่ของเธอดูเป็นประจำ พ่อแม่ของเธอก็ต่างชื่นชมในพรสวรรค์ของลูกสาว
จนมาถึงวันที่ เด็กหญิงเรนโบว์แดชนั้นต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนนักบินแห่งคลาวส์เดลล์ แม้เธอจะบินเก่งแค่ไหน เธอก็เข้ากับใครไม่ได้ เพราะว่าเธอกลัวที่จะอยู่กับคนอื่น กลัวที่จะอยู่กับโลกภายนอกที่ไม่มีพ่อแม่ ฮอทฮูฟและวิสเซิลก็พยายามที่จะแก้ปัญหานี้มาตลอด จนวันหนึ่งทั้งคู่ได้มีโอกาสพาเรนโบว์แดชไปรับชมการแสดง การเหินเวหาของทีมวอนเดอร์โบลท์ ทีมนักบินที่มีชื่อเสียงและประวัติอันยาวนานของเอเควสเทรีย แรกๆเธอก็ยังไม่เข้าใจมากนักว่านี่มันคืออะไร แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ เธอก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นและชื่นชอบกับการบินของพวกเขา เธอได้เห็นความกล้าหาญและความสามัคคี นั่นเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอนั้นมีความกล้าหาญและความพยายามมากขึ้น พร้อมทั้งยังทำให้เธอมีเป้าหมายในชีวิต นั่นก็คือ การได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมวอนเดอร์โบลท์ เธอเริ่มมีความกล้าที่จะอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ มีความกล้าที่จะแสดงความสามารถของเธอ และมีแรงผลักดันเพื่อที่จะให้ตัวเองเป็นวอนเดอร์โบลท์ ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงของการไปรับชมวอนเดอร์โบลท์ ฮอทฮูฟและวิสเซิลต่างก็ซาบซึ้งถึงความสำเร็จของพวกเขาที่สามารถทำให้ลูกสาวสุดที่รัก กลายเป็นอีกคนที่สุดยอดกว่าเดิม
หลังจากสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้แล้ว มิวายก็ยังมีพวกบูลลี่มารังแกเธอตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอเผลอพุ่งตัวไปชนถังขยะอย่างจัง บูลลี่พวกนั้นก็ล้อเธอว่า "Rainbow Crash" โดยที่ crash นั้นหมายถึง การพุ่งชน สิ่งๆนี้นี่เองทำให้ทุกคนเรียกเธออย่างนั้นไปปริยาย แม้จะโดนล้อแค่ไหน เธอก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เข้าใจ คนๆนั้นก็คือ ฟลัทเทอร์ชาย นั่นเอง ทั้งคู่เป็นสามารถเข้ากันได้ดีมากตั้งแต่วันที่มาเรียนใหม่ๆ
เวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆ ทุกๆปีจะมีการสอบเรื่องการบินว่าใครในโรงเรียน จะสามารถบินถึงเส้นชัยได้เร็วที่สุด แรกๆเรนโบว์แดชทำได้ไม่ดีนัก แต่พ่อแม่ของเธอก็ตามมาเชียร์และให้กำลังใจเธอทุกครั้ง โดยทุกๆครั้งพวกเขาจะทำเป็นว่าแดชได้ที่หนึ่งทุกรอบ แม้การเชียร์และให้กำลังใจยามแพ้เป็นสิ่งที่ดี แต่พ่อแม่ของเธอนั้นทำเกินเหตุไป จนสร้างความอับอายกับเธอและความหมั่นไส้แก่ผู้อื่น การสอบครั้งต่อมาและก็ต่อมา เรนโบว์แดชเริ่มไต่เข้าสู่ที่หนึ่งและก็ได้ที่หนึ่งไปในที่สุด และคราวนี้ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเธอได้กระทำการเชียร์และแสดงความยินดีกับแดชอย่างบ้าคลั่งและเวอร์วังมากๆ เด็ก ครู และผู้ปกครองคนอื่นๆต่างออกห่างจากพ่อแม่ที่บ้าคลั่งความชัยชนะของลูกสาว ส่วนตัวเธอเองนั้นไม่ได้ยินดีกับชัยชนะนี้ด้วย เธอรู้สึกขายหน้ามากๆ แทนที่จะยินดีแบบธรรมดาแต่พวกเขาดันทะลึ่งทำตัวเวอร์ ตั้งแต่นั้นมาเรนโบว์แดชก็อยากออกห่างและเริ่มมีความคิดที่แย่ลงกับพ่อแม่ของเธอ
วันหนึ่ง มีนักเรียนหน้าใหม่เข้ามาเรียนที่โรงเรียนคลาวส์เดลล์ เธอชื่อว่า กิลดา เธอไม่ใช่เปกาซัส เธอเป็นกริฟฟอน กริฟฟอนตัวเดียวในหมู่เปกาซัส ความแตกต่างนี้เองทำให้เธอเข้ากับใครไม่ได้และถูกรังแกจากพวกบูลลี่เจ้าเดิมตั้งแต่วันแรก ขณะที่พวกมันกำลังรังแกกิลดาอยู่นั้น เรนโบว์แดชที่บินผ่านมาเห็น เธอได้รีบไปปกป้องกิลดาจนพวกมันหนีไป กิลดาได้ขอบคุณที่มาช่วยไว้ เรนโบว์แดชจึงทำความรู้จักเธอและพาไปบินเล่นกัน ปรากฏว่าทั้งสองนั้นเข้ากันได้ดีมากเพราะว่ามีอะไรที่คล้ายๆกัน และก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด
จนมาถึงประมาณชั้นประถมปลาย ทางโรงเรียนได้มีกิจกรรมเข้าค่ายฤดูร้อน ทุกๆคนในโรงเรียนไปกันหมดรวมถึงเรนโบว์เเดชด้วย เหมือนว่าทุกๆอย่างจะปกติ แต่อยู่ดีๆพวกนักเลงเจ้าเดิมก็มารังแกฟลัทเทอร์ชาย เพื่อเป็นการปกป้องเพื่อน เรนโบว์แดชจึงมาขัดขวางเป็นธรรมดา และท้าให้พวกมันลองบินแข่งกับเธอดูเพื่อให้รู้ไปเลยว่า ใครกันแน่ที่เท่กว่ากัน พวกมันรับคำท้าและประกาศไปทั่วค่ายเลยว่าจะมีการแข่งครั้งยิ่งใหญ่ นักเรียนทุกคนต่างมามุงดูการแข่งขันของนักเลงประจำโรงเรียนกับโพนี่สีรุ้ง....ระวัง เตรียมตัว ไป! การแข่งขันได้เริ่มตันขึ้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายแข่งกันสูสีดุเดือดมาก ไม่มีใครต่างยอมใคร และอยู่ดีๆเรนโบว์แดชก็ได้บินเร็วขึ้น เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มาก่อน เธอไม่สนว่าเธอจะเลยเส้นชัยไปหรือยัง เธอสนใจแค่ความเร็วและความชนะ
เธอยิ้มกรุ้มกริ้มและค้นพบว่าความสุขที่แท้จริงของเธอคือการแข่งขันกับคนอื่น และก็บู้ม!เธอได้สร้างพลังงานโซนิคเรนบูม พลังงานมหาศาลในตำนานที่ไม่มีใครเคยทำได้ เธอพุ่งตัวอย่างรวดเร็วเป็นพันๆไมล์ ก่อนที่เธอจะบินไปยังเส้นชัยอย่างสง่างาม ส่วนพวกนักเลงนั้นถูกแกงแบงตั้งแต่กลางทางแล้ว จากนั้นเองเธอก็ได้รับคิ้วตี้มาร์คเป็นสายฟ้าสีรุ้งแสดงถึงความรวดเร็วดั่งสายฟ้า เธอสามารถปลดล็อคแอคชิฟเมนท์อันแรกของชีวิตได้คือ การได้รับคิ้วตี้มาร์คนั่นเอง และเธอก็มีความสุขที่สุดเป็นครั้งแรกของชีวิต
แต่หารู้ไม่ว่า พลังงานโซนิคเรนบูมนั้นเอง ได้กระจายตัวไปทั่วตอนกลางของเอเควสเทรีย ทำให้โพนี่จากแดนไกล 4 ตัวและฟลัทเทอร์ชายที่เผลอร่วงจากเมืองนั้น ได้รับคิ้วตี้มาร์คโดยบังเอิญจากสถานการ์ณตอนนั้น <br/> วันหนึ่งเธอได้มีโอกาสทำหน้าที่ชูธงประจำเมืองคลาวส์เดลล์ของงานเอเควสเทรียเกมอีกด้วย<br/> ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตในวัยรุ่นของเธอมากนัก แต่ก็อาจทราบได้ว่า เธอยังอยู่ที่คลาวส์เดลล์ ทำหน้าที่เรียนหนังสือ ฝึกซ้อมการบินเหินเวหาเพื่อที่จะได้เข้าวอนเดอร์โบลท์ มีฟลัทเทอร์ชายเป็นเพื่อนสนิทคนเดิม และพ่อแม่ของเธอก็ยังมาชื่นชมทุกสิ่งทุกอย่างโดยไร้เหตุผลอีกเช่นเคย
ชีวิตช่วงทำงาน[]
เวลาได้ผ่านมาเรื่อยๆจนถึงตอนที่เรนโบว์แดชนั้นได้จบการศึกษาและถึงวัยทำงาน เธอทำงานเกี่ยวกับการตรวจตราสภาพอากาศ แต่ไม่นานเธอก็ต้องย้ายไปยังโพนี่วิลล์ ชุมชนที่มีโพนี่ทั้งสามชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน เนื่องจากปัญหาของพ่อแม่เธอที่ยังคอยตามมารังควานชื่นชมเรื่องไร้สาระ หลังจากที่บอกลาพ่อแม่เสร็จ เธอก็ไม่ได้มาหาอีกเลยเพราะรำคาญ! ก็ยังดีที่ฟลัทเทอร์ชายเพื่อนสนิทของเธอย้ายมาอยู่โพนี่วิลล์เพื่อมาเป็นผู้ดูแลสัตว์ด้วย อย่างน้อยก็มีเพื่อน อีกเช่นเคยเธอมาทำงานเป็นผู้ตรวจตาและดูแลสภาพอากาศ และด้วยความสามารถของเธอที่ดีกว่าเปกาซัสตัวอื่นมาก ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงไปทั่วเมือง และเธอก็ได้เลื่อนยศเป็นหัวหน้างานสภาพอากาศแห่งโพนี่วิลล์ อีกทั้งเธอยังได้รู้จักกับโพนี่อีก 3 ตัวผู้โด่งดังแห่งโพนี่วิลล์ ได้แก่ แอปเปิลแจคม้าชาวไร่ฟาร์มแอปเปิล แรริตี้ยูนิคอร์นปรมาจารย์เรื่องแฟชั่นและศิลปกรรม และพิ้งค์กี้พายม้าชมพูเจ้าแห่งปาร์ตี้ เธอก็ยังทำงานสภาพอากาศไปเรื่อยๆจนกระทั่ง.....
ซี่ซั่น 1[]
วันการฉลองดวงอาทิตย์แห่งหน้าร้อนได้มาถึงแล้ว และปีนี้ท่านองค์หญิงเซเลสเทียได้เลือกที่จะเสด็จไปยังโพนี่วิลล์ พร้อมทั้งส่งทไวไลท์สปาคเกิลลูกศิษย์ของพระองค์กับมังกรน้อยสไปค์ ไปดูความพร้อมของงาน ทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตนเอง รวมถึงเรนโบว์แดชที่ก็ยังจัดการสภาพอากาศเป็นปกติ เธอได้ทำความรู้จักกับทไวไลท์สปาคเกิลและสไปค์ เจอกันครั้งแรกก็อวดการบินเร็วดั่งสายฟ้าเล้ย! จนทไวไลท์นี่...อึ้งจนปากค้าง หลังทำความรู้จักเสร็จทั้งคู่ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
เมื่อเวลางานมาถึง ชาวเมืองทุกคนรวมถึงทไวกับสไปค์ได้ไปยังสถานที่จัดงาน เหมือนจะดูปกติ แต่แล้วไนท์แมร์มูนที่ถูกจองจำมาหนึ่งพันปีได้ถูกปลดปล่อยมา มันได้ลักพาตัวองค์หญิง มันประกาศกับชาวเมืองว่า "ข้าจะทำให้ทั่วทั้งเอเควสเทรีย ตกอยู่ในความมืดมิดไปตลอดกาล ส่วนข้าหรอ ข้าก็จะได้มีอำนาจทั่วอาณาจักรไงล่ะ (ฮ่าฮ่าx5)"เทศนาความชั่วร้ายเสร็จ เรนโบว์แดชคิดจะใส่เดี่ยว แต่ถูกห้ามไว้ก่อน ส่วนทไวไลท์ได้ค้นพบวิธีกำราบมัน นั่นก็คือการใช้ธาตุแห่งความปรองดองที่อยู่ในปราสาทสองพี่น้องที่ป่าเอฟเวอร์ฟรี เรนโบว์แดช ฟลัทเทอร์ชาย พิ้งค์กี้ แอปเปิลแจค และแรริตี้ ตามเธอมาติดๆ เพราะรู้สึกว่าเธอจะรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ พวกเขาได้ฟังเรื่องราวและการปราบมันก็ตกลงที่จะเข้าไปเสี่ยงด้วย โพนี่ทั้งหกได้เข้าไปยังป่าเอฟเวอร์ฟรีเพื่อตามหาธาตุแห่งความปรองดอง ไนท์แมร์มูนที่รู้ว่าตนเองจะถูกกำจัด จึงได้ไปขัดขวางด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ในที่นี้จะพูดถึงการขัดขวางเรนโบว์แดช เธอได้ข้ามสะพานไปก่อนและพบกับชาโดว์โบลท์ที่เป็นภาพลวงของไนท์แมร์มูน พวกมันหลอกล่อให้เข้าร่วมกับพวกมัน แต่ว่าต้องทิ้งเพื่อนไป แดชคิดหนักและถูกกดดันอยู่สักพัก จนเธอตัดสินใจว่า เธอจะเลือกไปกับเพื่อนต่อ เพราะเธอรู้ว่าการช่วยเพื่อนและบ้านเมืองนั้นสำคัญกว่า
เมื่อถึงปราสาท การต่อสู้กับไนท์แมร์มูนก็ได้มาถึง แม้ตัวธาตุจะถูกทำลายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขณะเดินทาง พวกเขากลายเป็นหนึ่งในตัวแทนของธาตุแห่งความปรองดองจากการที่ใช้ไหวพริบของตนเองฝ่าฟันอุปสรรคและสิ่งกีดขวาง นั่นทำให้พลังของธาตุที่เหลืออยู่น้อยนิดสามารถกำเนิดมาใหม่ได้และใช้พลังอันมหาศาลปราบไนท์แมร์มูนจนสำเร็จ เรนโบว์แดชได้เป็นตัวแทนของความภักดีจากการที่เธอไม่ทิ้งเพื่อน หลังเรื่องร้ายๆได้จบลง ไนท์แมร์มูนกลับมาเป็นองค์หญิงลูน่าหรือน้องสาวของเซเลสเทียดั่งเดิม และนางก็ไปขอโทษองค์พี่และสัญญาว่าเธอจะไม่ทำตัวเลวทรามแบบนั้นอีก ทไวไลท์ได้รับบทเรียนว่าการมีเพื่อนมีดีอย่างไร และเธอตัดสินใจว่าเธอจะอยู่ที่โพนี่วิลล์และเริ่มสร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ของเธอ ส่วนเรนโบว์แดชก็ได้เพื่อนใหม่ตั้ง 4 คน จากการที่ได้ฝ่าฟันและผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยกัน นี่ก็คือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเพื่อน 5 คนของเรนโบว์แดช
และจากการที่เธอและเพื่อนของเธอสามารถช่วยเอเควสเทรียจากไนท์แมร์มูนเอาไว้ได้ ทำให้พวกเขานั้นได้รับสิทธ์ไปงาน Grand Galloping Gala โดยมันเป็นปาร์ตี้ม้ารวยและม้าไฮโซ จัดขึ้นที่ปราสาทขององค์หญิง เนื่องด้วยที่เรนโบว์แดชและเพื่อนของเธออยู่แต่เมืองชนบท ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกันมากและคาดหวังหลายอย่าง เรนโบว์แดชนั้นคาดหวังเอาไว้ว่า เธอจะต้องไปหาวอนเดอร์โบลท์และทำตัวให้ดูเท่ให้ได้เพื่อที่จะให้พวกเขาชื่นชมและรับเข้าทีม
หลายๆวันและก็หลายวันต่อมา ดูเหมือนว่าเรนโบว์แดชจะสามารถเข้ากับพิ้งค์กี้ได้ดีเพราะทั้งคู่นั้นมีนิสัยที่คล้ายๆกันอย่างหนึ่งก็คือการชอบแกล้งคนไปทั่ว จนวันหนึ่งที่ทั้งสองกำลังออกไปแกล้งคนอยู่ กิลดาจำได้มั้ย เพื่อนของเธออีกคนในวัยเด็กได้มาเยี่ยมยังโพนี่วิลล์ เธอดูเปลี่ยนไปมากจากกริฟฟอนที่ไม่อาจสู้ใครได้ กลายเป็นนกขี้ห้าว เรนโบว์แดชขอพิ้งค์กี้ให้เลิกยุ่งกับเธอไปก่อน เพราะว่าอยากที่จะมีเวลาร่วมกันกับเพื่อนเก่าอยู่สักพัก พิ้งค์กี้ที่เข้าใจก็ปล่อยไปแต่ยังรู้สึกสงสัยในตัวกิลดา ฉะนั้นเธอเลยสะกดรอยตามกิลดาแทบจะทั้งวัน จนค้นพบว่า กิลดานั้นเหมือนจะเป็นคนดีต่อหน้าเพื่อนแต่ลับหลังเธอกลับเป็นพวกชอบรังแกและเหยียดหยามคนอื่นซะเอง พิ้งค์กี้ที่อยากให้กิลดาเลิกแกล้งคนอื่นและมีความสุขแบบไม่ต้องรุกรานใคร เธอจึงจัดปาร์ตี้ให้โดยเฉพาะ เธอชวนคนทั้งเมืองเข้างาน เซทและจัดงานแบบจริงจัง กิลดาที่งงๆเข้ามาก็โดนพิ้งค์กี้ลากมาเล่นเกมต่างๆ โดนทั้งปั่นหัว โดนทั้งเล่นมุขไร้สาระ และถูกแกงแบงด้วยสารพัดวิธี กิลดาที่เก็บความโทสะไว้ไม่อยู่จึงได้ระเบิดมันออกมา ทำให้คนทั้งงานอึ้งตามๆกัน เธอได้ทั้งแหกปากด่าพิ้งค์กี้นู่นนี่บ้างเพราะคิดว่าที่เธอโดนลากมาที่นี่ก็เพื่อโดนล้างแค้นโดยเฉพาะ ก่อนที่เธอจะรีบกลับไปยังกริฟฟอนสโตน เรนโบว์แดชได้ตัดความเป็นเพื่อนจากกิลดา เธอรู้สึกผิดหวังมากที่เพื่อนในวัยเด็กที่แสนดีของเธอกลายเป็นแบบนี้ เธอไม่น่าไว้เนื้อเชื่อใจเลย และเธอยังบอกอีกว่าเธอจะอยู่กับเพื่อนแบบนี้ทั้ง 5 คนดีกว่าพวกขี้แกล้ง กิลดาเจ็บแสบไปเลย นั่นถือได้ว่าเป็นการตัดขาดความเป็นเพื่อนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเรนโบว์แดชเลยทีเดียว
และก็...หลายวันต่อมาอีกครั้ง เรนโบว์แดชต้องการที่จะประชันความเก่งกาจกับแอปเปิลแจค ม้าชาวไร่ผู้มีพละกำลังอันแข็งแกร่ง เพราะแจคนั้นมีความเก่งพอๆกันกับเธอ สาเหตุที่อยากจะประชันนั้น ก็เพราะว่าแดชเกลียดความพ่ายแพ้ เธอรับไม่ได้ถ้ามีคนใดมาทำลายความเป็นที่หนึ่งของเธอ เธอต้องการเป็นที่หนึ่งและชัยชนะ แอปเปิลแจครับคำท้าทาย หลังจากประชันกันหลายเกม ปรากฏว่าทั้งสองสูสีกันมาก แม้ว่าจะเสมอ ทั้งคู่ก็ไม่ยอมรับและอยากเป็นที่หนึ่งอย่างเดียว พวกเขาต้องแข่งจนให้รู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่เท่และเก่งกว่ากัน ไม่นานทั้งสองได้ยินเรื่องการวิ่งมาราธอนประจำฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังรับสมัครผู้แข่งขัน แน่นอนต้องเข้าอยู่แล้ว แม้ว่ามาราธอนจะไม่ได้เน้นการแข่งขัน แต่แอปเปิลแจคกับเรนโบว์แดชนั้นหาไม่ พวกเขาต่างโกงไปโกงมาด้วยกันเองตลอดทาง จนเมื่อเข้ามาถึงเส้นชัยดันเสมอเฉยเลย จริงๆแล้วพวกเขาได้ที่สุดท้ายต่างหาก เพราะโกงกันเองจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง พวกเขาเกือบจะทะเลาะกันอีกแล้ว แต่โชคดีที่องค์หญิงเซเลสเทียที่แวะมาดูงานอยู่ด้วยนั้น ได้ให้ทั้งสองใจเย็นลงและบอกไปว่า "เป็นเพื่อนกันทำไมต้องมาทะเลาะกันกับแค่เรื่องไร้สาระว่าใครเก่งกว่ากัน นั่นคือการเรียกว่าเพื่อนในรูปแบบของเธอใช่มั้ย แบบนั้นเขาเรียกว่าคู่อริต่างหากเล่า" เมื่อพระองค์ตรัสเสร็จ โพนี่ทั้งสองก็คิดได้ว่า เออทำไมเราต้องมาทะเลาะกันกับเรื่องพวกนี้ด้วย ไร้สาระสิ้นดี ก่อนที่ทั้งสองนั้นจะให้อภัยและขอโทษซึ่งกันและกัน พวกเขาสามารถปรับความเข้าใจได้แล้ว เรนโบว์แดชกับแอปเปิลแจคก็กลายเป็นเพื่อนที่เข้ากันได้ในที่สุด (แต่พวกเขาก็ยังชอบแข่งกันเหมือนเดิม)
งาน Best Young Flyer Compettition หรือการแข่งขันนักเหินฟ้าวัยเยาว์สุดยอดเยี่นมได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อย เป็นงานที่เปกาซัสคนไหนก็ได้ทั่วเอเควสเทรียมาประกวดความสามารถของตนเอง จัดขึ้นที่คลาวส์เดลล์ เรนโบว์แดชก็เป็นผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย เธอกะจะทำโซนิคเรนบูมเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอคิด เธอฝึกซ้อมมาแล้วหลายครั้งเธอก็ไม่ได้ซักทีเพราะว่าเธอบินไม่เร็วพอ เธอไม่มีความมั่นใจในตนเองจนทำให้เธอไม่กล้าลงแข่ง แต่มันก็ขอยื่นออกไม่ได้แล้ว เพื่อนๆของเธอที่รู้ถึงความกังวลใจ ก็เลยที่จะมาเชียร์ด้วยแต่ติดปัญหาอย่างหนึ่งก็คือพวกเขายกเว้นฟลัทเทอร์ชาย เดินบนเมฆไม่ได้ถ้าไม่ใช่เปกาซัส ดังนั้นทไวไลท์เลยใช้เวทย์มนตร์เสกให้มีปีก เธอทดลองกับแรริตี้ก่อนและมันก็ได้ผล เธอได้ปีกที่สวยงาม แต่ว่าการที่จะเสกอีก 3 คนที่เหลือมันค่อนข้างเปลืองเวลามากดังนั้นทไวไลท์จึงใช้เวทย์มนตร์เดินบนเมฆได้แทน เมื่อมาถึงคลาวส์เดลล์ พวกเขาทั้งหมดที่ไม่ใช่เปกาซัสต่างอึ้งกับภาพตรงหน้า เพราะว่าไม่เคยเห็นชีวิตแบบนี้ของเปกาซัสแบบนี้มาก่อน ทั้งหมดได้มาถึงยังงานแม้ว่าเพื่อนของแดชจะคอยเชียร์แค่ไหน เธอก็ไม่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่ดีเมื่อมาถึงรอบของเธอ เธอรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เธอแสดงได้ไม่ดีนัก อ้อ!ลืมบอกว่าแรริตี้เข้าร่วมด้วย เธอประกวดความสวยงามและแสดงรอบเดียวกันกับแดช ทุกคนให้ความสนใจกับแรริตี้มากกว่าอื่นใด เนื่องด้วยความงามจากปีกของเธอ ขณะที่กำลังทำท่าเด็ดอยู่นั้น ปีกได้ไปโดนดวงอาทิตย์โดยตรง และมันเป็นปีกที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่ปีกจริง แน่นอนมันถูกเผาและเธอก็หล่น เดี๋ยว...เธอหล่นกลางเวหานี่หว่า ถ้าตกถึงพื้น ไม่ตายก็พิการนะ เรนโบว์แดชที่เห็นแรริตี้ร่วงจากท้องฟ้า เธอไม่สนใจการแสดงบ้าบอนั่นแล้ว เธอสนใจแค่ชีวิตของเพื่อนอย่างเดียว เธอรีบบินไปช่วยแรริตี้อย่างรวดเร็ว เธอรีบบินเร็วขึ้น เร็วขึ้น และก็เร็วขึ้น และเร็วที่สุดเท่าที่ชีวิตเคยบินมา เธอจดจ่อกับการช่วยเพื่อนอย่างจริงจังเธอรีบบินและสามารถไปรับตัวแรริตี้ก่อนเกือบถึงพื้นได้ทันเวลา และความเร็วมหาศาลที่เธอได้ทำนั้น ทำให้เกิดโซนิคเรนบูมโดยบังเอิญ เธอสามารถช่วยชีวิตเพื่อนเอาไว้ได้แถมยังได้ทำโซนิคเรนบูมอีกด้วย หลังเรื่องเลวร้ายได้จบลง เรนโบว์แดชได้รับคำชื่นชมมากมายที่ช่วยแรริตี้ไว้ได้ทันพร้อมทั้งเธอยังได้เป็นผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งของงานนี้อีกด้วย แถมโชคดีไปกว่านั้นอีก เธอได้พบกับวอนเดอร์โบลท์ตัวเป็นๆที่มาชื่นชมในเรื่องความสามารถของเธอและยังพาไปคุยส่วนตัวเป็นเวลาสักพัก คราวนี้เรนโบว์แดชได้รู้วิธีการทำโซนิคเรนบูมจริงๆแล้ว นั่นก็คือการโฟกัสไปที่อย่างหนึ่งอย่างจริงจัง และมันจะทำให้เธอรีบพุ่งตัวด้วยความเร็วเป็นพันไมล์ซึ่งทำให้เกิดพลังงานที่ว่ามา และเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเล็กน้อย
ในที่สุดค่ำคืนของงาน Grand Galloping Gala ก็ได้มาถึง เรนโบว์แดชและเพื่อนทั้งห้าต่างตื่นเต้นกันมากที่จะได้ไปงานของคนไฮโซที่ไม่เคยไปมาก่อน ทุกคนคาดหวังไว้สูงว่าจะต้องเป็นแบบที่คิด เมื่อมาถึงก็แยกย้ายไปทำสิ่งที่หวังไว้ ส่วนเรนโบว์แดชยังฝันหวานอยู่ขณะตามหาวอนเดอร์โบลท์ และในที่สุดเธอก็ได้พบกับวอนเดอร์โบลท์อีกครั้ง พวกเขาก็ทักทายเธอเพราะจำเรื่องที่ช่วยแรริตี้ได้อยู่ เรนโบว์แดชพยายามตีสนิทและทำตัวหล่อเท่แต่ก็ไม่มีใครสน เพราะว่าจริงๆแล้ววอนเดอร์โบลท์กำลังยุ่งอยู่กับธุระสำคัญของพวกเขาต่างหาก แม้เธอจะทำตัวให้ดูน่าสนใจและเฟี้ยวแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะมัวยุ่งแต่งานอยู่ แต่ก็ยังดีที่ยังมีโมเมนท์เล็กๆที่เรนโบว์แดชสามารถรับพายที่ซอรินหรือหนึ่งในทีมทำหล่นไว้ได้ ซอรินก็ขอบใจที่ช่วยพายได้ ทั้งคู่ก็สนทนากันสักพักแต่ต้องหยุดไปเพราะซอรินมีงานธุระสำคัญในทีม (นั่นรึ จุดเริ่มต้นของชิป ซอรินแดช)อย่างน้อยแดชก็มีความสัมพันธ์กับหนึ่งในทีมแล้วล่ะ แม้ความคาดหวังเธอจะพังแต่เธอก็ยังดีใจ...นิดนึง ไม่ใช่แค่แดชที่ผิดหวังเพื่อนของเธอก็เช่นกันแถมฟลัทเทอร์ชายยังทำงานเละอีก โพนี่ทั้งหกได้มาระบายกับสิ่งที่ผิดหวังด้วยกันที่ร้านโดนัท ก่อนท้ายที่สุดพวกเขาก็กลับมาแฮปปี้และภูมิใจที่พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีและรักซึ่งกันและกัน
---สรุปเรื่องราวในซีซั่นหนึ่งของแดชได้ดังนี้--- "เรนโบว์แดชได้เพื่อนใหม่ 4 คนได้แก่ แอปเปิลแจค แรริตี้ ทไวไลท์ และพิ้งค์กี้ จากการที่พวกเขาร่วมกันปราบไนท์แมร์มูน แย่งบัตรงาน Grand Galloping Gala ช่วยแอปเปิลแจคเก็บแอปเปิลกับเพื่อน ช่วยกันไล่มังกรยักษ์ในภูเขาโพนี่วิลล์ เอ๋อกินกับวิธีที่พิ้งค์กี้ไล่แมลงปรสิตรออกจากเมือง ทำงานเป็นหัวหน้าขจัดสภาพอากาศของหน้าหนาว เข้ากับพิ้งค์กี้ได้และตัดเพื่อนกับกิลดา ทำความรู้จักทริกซี่ แอปเปิลบลูม สวีทตี้เบลล์ สกูตาลู ซีโกราและฝูงกระบือแห่งแอปเปิลลูซ่า ปรับความสัมพันธ์กับแอปเปิลแจค ช่วยกันช่วยแรริตี้ที่ถูกลักพาตัวจากไดมอนด๊อก ช่วยแรริตี้จากความตายไว้ได้ทันและได้รับคำชมจากวอนเดอร์โบลท์กับฝูงชนพร้อมกับรู้วิธีทำโซนิคเรนบูมได้ ช่วยกันช่วยลูน่าจากพลังความมืดของพระจันทร์ ร่วมกันจัดปาร์ตี้วันเกิดพิ้งค์กี้ พบวอนเดอร์โบลท์ในงาน Grand Galloping Gala แต่ได้คุยกันนิดเดียว "
ซีซั่น 2[]
ดิสคอร์ดเทพแห่งความโกลาหลได้กลับมาอีกครั้ง มันได้เปลี่ยนเอเควสเทรียให้เป็นอะไรก็ไม่รู้ ที่มันดูยุ่งเหยิงและวุ่นวายมาก และคราวนี้เรนโบว์แดชและเพื่อนของเธอต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันกอบกู้บ้านเมืองอีกครั้ง โดยการใช้ธาตุแห่งความปรองดอง เหมือนจะง่ายใช่มั้ยปล่าวเลยดิสคอร์ดได้ล้างสมองและปั่นประสาทฮีโร่ของเอเควสเทรีย จนพวกเขายกเว้นทไวไลท์กลายเป็นหลังกีบแสนสารเลว โชคดีที่ทไวไลท์ยังสามารถให้เพื่อนของเธอทั้งหมดกลับมาเป็นเหมือนเดิมและสามารถปราบดิสคอร์ดและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรูปปั้นเหมือนเดิมได้ เรนโบว์แดชและเพื่อนได้รับการสรรเสริญที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พวกเขาได้รับคำชื่นชมจากเมืองที่ได้รับผลกระทบจากดิสคอร์ด พวกเขาเริ่มที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมา และเป็นอีกครั้งที่พวกเขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันได้สำเร็จ
ผ่านไปหลายวัน เรนโบว์แดชก็ใช้ชีวิตธรรมดาๆของเธอเหมือนเคย จนวันหนึ่งเธอเห็นเพื่อนของเธอเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างสนุกสนาน เธอเห็นแล้วก็อยากเล่นบ้างเพราะเธอนั้นอยู่บ้านคนเดียวไม่มีใครเป็นเพื่อน เธอจึงไปขอสัตว์กับฟลัทเทอร์ชายแต่ว่าเลือกยังไงก็ไม่ถูกใจสักตัวเพราะแต่ละตัวไม่เหมือนกับเธอสักนิด จนเธอมีไอเดียในการนำสัตว์เหล่านั้นมาแข่งขันและประชันกัน โดยสมบัติที่จะผ่านได้นั่นก็คือ ต้องมีความเร็ว ความเท่และความเฟี้ยวฟ้าวเหมือนเธอ เธอจับสัตว์ที่ฟลัทเทอร์ชายแนะนำมาทั้งหมดมาแข่งขันกันเป็นรอบๆ จากคุณสมบัติที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะแข่งมาถึงรอบสุดท้ายก็ยังไม่มีใครชนะอยู่ดีเพราะสัตว์เหล่านั้นเป็นสัตว์ปีกและมีอะไรคล้ายๆกันยกเว้นเต่าตัวหนึ่งที่หลงเข้ามาและแพ้ตลอด ด้วยการที่เสมอทุกครั้งทำให้เธอเลือกไม่ได้และในที่สุดเธอตัดสินใจให้พวกมันไปบินแข่งที่เหวกาลอปปิ้งจอร์จแสนอันตรายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าใครกันแน่ที่สมควรเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ เพราะเหวแห่งนี้อุปสรรคหลายอย่างและมีระยะทางที่ยาว จนการแข่งครั้งนี้ได้มาถึง ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดบินไปอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงคำว่า ไป! จบลงยกเว้นเต่าที่เคยกล่าวมา มันเดินไปอย่างเชื่องช้าและไม่ได้สนใจอะไร ตัดไปที่แดช เธอบินตามผู้แข่งขันติดๆเพื่อสังเกตพวกมัน และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีหินถล่มได้ตกลงมาใส่แดชและทำให้เธอไม่สามารถออกมาได้ ปีกของเธอถูกทับไว้กับกองหินที่ใหญ่และหนัก เธอเรียกร้องให้สัตว์เหล่านั้นช่วยแต่ก็ไม่มีตัวใดสนใจเธอสักนิดพวกมันสนใจแค่เส้นชัย ไม่ได้ใส่ใจกับผู้จัด เธอติดแหงกอยู่อย่างนั้นเพื่อนของเธอก็ไม่สามารถมาช่วยได้เพราะมันลึกมาก และแล้วปาฏิหารย์ก็มีจริง จำเต่าที่เชื่องช้าตัวนั้นได้มั้ย มันเดินผ่านมาพอดีและได้ช่วยเรนโบว์แดชเอาไว้ เรนโบว์แดชรู้สึกซาบซึ้งในความภักดีของมันแม้เธอจะไม่ได้แคร์มันในตอนแรกๆเพราะว่ามันเชื่องช้าและไม่เท่ แต่เธอก็รู้แล้วว่าสัตว์เลี้ยงที่ดีไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเท่เลย เธอพามันบินไปยังเส้นชัยและสร้างความตะลึงให้กับเพื่อนของเธอ ในที่สุดเธอตัดสินใจเลือกเต่าตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงเนื่องจากความฉลาดและความภักดีของมัน เธอขอบคุณและรักมันมากๆ เธอรู้สึกเหมือนได้มีเพื่อนดีๆอีกตัวนึงแล้ว เธอตั้งชื่อมันว่าแทงค์ และพามันออกไปเล่นด้วยกัน
เรนโบว์แดชเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในโพนี่วิลล์จากการที่เธอสามารถช่วยทารกที่กำลังจะตกเหวไว้ได้ทัน ทำให้ชาวเมืองปริติยินดีเธอเป็นอย่างมากถึงขนาดตั้งกลุ่มแฟนคลับเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่ามีเด็กคนหนึ่งที่จะชอบเธอมากที่สุด นั่นก็คือสกูตาลู เปกาซัสตัวน้อยกับปีกที่เล็ก เธอคลั่งใคล้ในตัวแดชมากกว่าคนอื่นๆเพราะว่าอยากจะกล้าหาญเหมือนแดชให้ได้ และด้วยที่เธอเป็นหนึ่งในแก็งค์ของน้องสาวของเพื่อนแดช ทำให้สามารถพูดคุยกับเรนโบว์แดชได้ตลอดเวลาเท่าที่อยากคุย อีกทั้งเธอยังทำให้แดชรู้สึกมีความมั่นและภูมิใจในตนเองอีกด้วย และด้วยการที่เรนโบว์แดชนั้นเป็นคนที่สนใจแต่ลาภยศของตนเองทำให้เธอมัวแต่พบปะกับแฟนๆและนิ่งเฉยกับคนที่เดือดร้อนจริงๆ โพนี่ที่เกือบตายก็ไม่สนสนแต่แจกลายเซ็นแฟนๆ เพื่อนทั้งหมดของเธอที่ทนไม่ไหวในพฤติกรรมของเรนโบว์แดช จึงทำการดัดนิสัยโดยการให้แต่ละคนปลอมตัวเป็นฮีโร่ลึกลับนามว่า แมร์ดูเวลล์ ไปช่วยเหลือผู้คนแทนแดชที่ยุ่งกับแฟนๆ ชาวเมืองก็ไหวตัวทันกับพฤติกรรมของฮีโร่จอมปลอมจึงไปให้ค่ากับแมร์ดูเวลล์แทนเพราะว่าเขาไม่สนใจชื่อเสียง สนใจถึงความปลอดภัยของผู้คนอย่างเดียว แน่นอนฮีโร่จอมปลอมย่อมอิจฉาอยู่แล้ว เธอทั้งโดนทั้งชาวเมืองต่อว่า คิดจะช่วยแต่ดันสร้างเรื่องซะเอง และก็โดนแมร์ดูเวลล์แย่งงานไปอีก เรนโบว์แดชเก็บความริษยาไว้ไม่อยู่จึงไปเปิดโฉมหน้าที่แท้จริงของมันด้วยท่าทีที่โกรธแค้น อย่างที่กล่าวมันเป็นเพื่อนของเธอที่ปลอมตัวมา และแต่ละคนก็ค่อยๆปรากฏตัวและพยายามสอนเพื่อนผมรุ้งให้มีความถ่อมตนและอย่าสนใจลาภยศเงินทอง จงทำหน้าที่ให้ดีเข้าไว้และอย่าลืมว่าความถ่อมตัวเป็นสิ่งสำคัญ ทีแรกเรนโบว์แดชเหมือนจะเมินเฉยแต่สุดท้ายเธอก็ได้รับรู้ถึงผลกระทบของมัน ถ้าเธอยังคงอวดดีต่อไปมีหวังไม่มีใครชอบเธอเป็นแน่แท้ เธอสัญญากับตนเองและเพื่อนๆว่าเธอจะเลิกนิสัยความทะนงตนไปให้ได้และคอยเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ ก่อนพวกเขาทั้งหมดจะจากกันพร้อมด้วยรอยยิ้ม..........................เดี๋ยวก่อน สกูตาลูยังเป็น No.1 แฟนของแดชอยู่นะแม้ว่าเธอจะแย่ก็ตามแต่....ใครสน สกูตอยากมีความกล้าหาญต่างหากไม่ใช่ด้านแย่
และก็.....เธอกับพื่อนของเธอได้มีโอกาสไปแสดงละครประวัติศาสตร์การก่อตั้งเอเควสเทรียในแคเทอลอทด้วย และก็มีคนดูเยอะมากเพราะมันเป็นงานสำคัญ FAMOUS +
มีอยู่วันหนึ่ง เรนโบว์แดชประสบอุบัติเหตุจนปีกหักและต้องไปพักตัวที่โรงพยาบาล เธอต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลาสัก 2-3 วันถึงจะหาย แต่ว่านอนเตียงอย่างเดียวก็ไม่มีอะไรทำ บินก็ไม่ได้ปีกหักอยู่ ทไวไลท์จึงส่งหนังสือนิยายแดริ่งดูให้อ่านก่อนที่เธอกับคนอื่นจะออกไป ทีแรกแดชก็ไม่อยากอ่านหรอกเพราะเธอมีMind set ว่าการอ่านหนังสือคือพวกเนิร์ดที่ทำอะไรไม่เป็น แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้วนี่นา ด้วยการไม่มีทางเลือกเธอจึงหยิบนิยายนั่นมาอ่านอย่างกล้าๆกลัวๆ เธออ่านมัน เรื่องราวเกี่ยวกับนักผจญภัยนามว่าแดริ่งดูผู้กล้าหาญ ที่ในตอนนี้เธอปีกหัก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เธอพยายามสำรวจและผ่านอุปสรรคไปได้สำเร็จ แม้ว่าจะปีกหักแต่เธอนั้นมีไหวพริบและความกล้าหาญ แค่นี้ก็ทำให้เธอเอาชนะสิ่งต่างๆไปได้ ตอนแรกเรนโบว์แดชบอกว่าเกลียดแต่ตอนนี้ดันอ่านจบเล่มเฉยเลย เธอใช้เวลาอ่านถึงวันที่พักตัวเสร็จและต้องออกจากโรงพยาบาลไปใช้ชีวิตตามปกติ เธอก็พึ่งรู้ตัวว่าเธอนั้นเป็นคนที่ชอบหนังสือไปเสียแล้ว เธอรู้สึกเหมือนกับดูละครหรือหนังอะไรสนุกๆสักอย่างในรูปแบบตัวอักษรน่าเบื่อ และก็เริ่มมีความคิดที่ดีต่อหนังสือพร้อมได้รับบทเรียนว่า "เราจะไม่มีวันเข้าใจคนอื่นถ้าหากเราไม่ลองสัมผัสมันด้วยตนเอง" เธอชอบนิยายแดริ่งดูและกลายเป็นแฟนคลับในทันทีเนื่องจากชอบในความกล้าหาญและการผจญภัยของตัวละคร และเธอก็ไฝ่ฝันว่าเธอจะต้องพบกับคนแต่งแดริ่งดูที่มีชื่อว่าเอเคเยียร์ลิ่งให้ได้
เรนโบว์แดชยังได้ทำงานทางการด้วย เป็นงานอีเวนท์ประจำปีที่จะให้เปกาซัสทุกตัวในเมืองที่อยู่ใกล้ๆคลาวส์เดลล์ สร้างทอร์นาโดที่จะพัดพาน้ำจากบ่อที่เตรียมไว้ไปยังโรงงานอากาศเพื่อใช้ผลิตเมฆและฝน เธอเป็นหัวหน้าของปีนี้และก็ดุดันมากๆยังกะ ครู ร.ด. ฝึกซ้อมเปกาซัสทุกตัวแบบ extreme
เรนโบว์แดชกับเพื่อนของเธอช่วยโลกไว้ได้อีกแล้ว คราวนี้เป็นราชินีคริสซาลิสกับฝูงเชนจ์ลิ่งของเธอ สัตว์ประหลาดคล้ายแมลงที่มีความสามารถปลอมเป็นใครก็ได้ ที่มาถล่มงานแต่งของไชน์นิ่งอาร์มเมอร์พี่ชายแท้ๆของทไวไลท์กับแคเดสท์พี่เลี้ยงที่แสนใจดีของเธอ แต่คราวนี้เชนจ์ลิ่งแค่กระเด็นออกไปทำให้พวกมันมีโอกาสล้างแค้นได้ เหมือนเดิมเลยแดชกับเพื่อนถูกยกย่องสรรเสริญเยินยอให้เป็นฮีโร่ที่ช่วยโลกครั้งที่สาม ยิ่งไปกว่านั้นอีกคนที่พวกเขาช่วยดันเป็นผู้ปกครองอาณาจักรทางเหนือในอนาคตด้วย แม่เจ้า!มีชื่อเสียงกว่าเดิมอีก
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 2 ของแดชได้ดังนี้--- ช่วยโลกครั้งที่สองจากดิสคอร์ด รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเขียนบทเรียนมิตรภาพ แกล้งคนไปทั่วในวันไนท์แมร์ไนท์หรือฮาโลวีน ได้เต่าเป็นสัตว์เลี้ยง ลดนิสัยความเย่อหยิ่งและไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง ไปวันเกิดทไวไลท์ที่แคนเทอลอทและดันได้ถูกชื่นชมจากแฟนซีแพ้นท์โพนี่มีฐานะ แสดงละครประวัติศาสตร์ที่มีคนดูเยอะ รู้จักตัวร้ายฝาแฝดฟลิมแฟลมผู้ที่มาแย่งธุรกิจของครอบครัวแอปเปิล กลายเป็นแฟนคลับแดริ่งดู เป็นหัวหน้าของงานทางการ ช่วยโลกครั้งที่สามจากคริสซาลิสและฝูงเชนจ์ลิ่ง
ซีซั่น 3[]
หลังจากการแต่งงานของไชน์นิ่งอาร์มเมอร์กับองค์หญิงแคเดสท์ได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องขึ้นที่อาณาจักรคริสตัล อาณาจักรทางเหนือที่แคเดสท์ไปปกครอง จู่ๆราชาซอมบร้าก็มาบุกโจมตีเพื่อกลับมายึดครองและพยายามเปลี่ยนอาณาจักรความรักเป็นความมึดมน และเป็นอีกครั้งที่เรนโบว์แดชกับเพื่อนของเธอช่วยโลกได้สำเร็จ คราวนี้ช่วยอาณาจักรให้กลับมาสดใส คราวที่แล้วป้องกันการรุกราน เหมือนเดิมเลยพวกเขาถูกยกยอจากทั่วทั้งอาณาจักรคริสตัลโดยเฉพาะมังกรสไปค์
เอาอีกแล้วราชินีคริสซาลิสที่พึ่งแพ้ไปหมาดๆกลับมาแก้แค้นโพนี่ทั้งหกที่โพนี่วิลล์ ทีแรกแค่ขังชาวเมืองแต่ก็แพ้ไป ทีสองลักพาตัวเด็กสาว 3 ตัว คริสซาลิสพยายามเล่นเกมปั่นประสาท แต่ก็แพ้ไปอีกเช่นเคย โพนี่ทั้งหกขังเธอและเชนจ์ลิ่งพร้อมถูกชื่นชมจากองค์หญิงและชาวเมืองโพนี่วิลล์อีกครั้ง
ต่อมาหลายๆวัน แรริตี้กับแอปเปิลแจคคิดจะไปตั้งแคมป์ที่น้ำตกวินสัม โดยชวนน้องแต่ละคนมาด้วย เหมือนเข้าค่ายพี่น้อง สกูตาลูเมื่อรู้เข้าจึงชวนเรนโบว์แดชมาด้วยเพราะอยากอยู่กับไอดอลในดวงใจ แดชที่ไม่ได้คิดอะไรก็มาด้วย ระหว่างทางสกูตทำตัวเท่และกล้าหาญตลอดเวลาเพราะอยากให้แดชปลาบปลื้ม แต่ก็เฟลทุกครั้ง ถึงตอนกลางคืนก็ตั้งแคมป์ไฟและเล่าเรื่องผีก่อนนอน ก็นะสกูตก็ยังทำตัวให้เท่และกล้าหาญแต่ดันกลัวเรื่องผีจนนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตามเธอก็ข่มให้หลับได้ แต่ก็ดันฝันร้ายกับเรื่องผีที่เล่ามา ฝันมันดูน่ากลัวสำหรับเธอมากๆทำให้สติแตกตื่นมาหนีออกจากที่นอนเเละวิ่งหนีเหมือนคนบ้า วิ่งไปไม่ดูตาม้าตาเรือจนเกือบพลัดตกลำธาร ยังโชคดีที่เรนโบว์แดชไหวตัวทันมาช่วยสกูตตาลูได้ไม่งั้นคงเป็นโพนี่สูญหายแน่ๆ หลังจากทั้งคู่มาถึงที่พักพิง เรนโบว์แดชก็ไตร่ถามสาเหตุที่สกูตาลูสติแตกเกือบตกลำธาร สกูตตาลูที่ท้อแท้กับกับตนเองจึงระบายไปว่า "หนูได้เห็นความกล้าหาญและความเท่ของพี่ หนูน่ะประทับใจมันมากและคิดว่าสักวันต้องเป็นแบบนั้นให้ได้ และที่สำคัญที่สุดคือหนูต้องแสดงความกล้าหาญเหล่านั้นให้ทุกคนเห็นโดยเฉพาะเรนโบว์แดช แต่ตอนนี้พี่ก็รู้แล้วว่ามันไม่เป็นไปอย่างนั้น พี่คงไม่ยอมรับหนูหรอกเพราะหนูไม่เหมือนพี่" แดชที่ได้ฟังก็ขำก่อนที่จะบอกความจริงไปว่า เธอก็กลัวหัวซุกหัวซุนกับเรื่องผีพวกนี้ตอนที่ยังเด็กเหมือนกัน แต่เมื่อโตขึ้นความกล้าหาญเหล่านั้นก็จะค่อยๆมาและทำให้เธอเป็นเหมือนทุกวันนี้ สกูตที่ได้ฟังก็เริ่มมีกำลังใจและถามแดชไปเลยว่าเธอจะยอมรับสกูตเป็นน้องบุญธรรมมั้ย แดชก็ตอบกลับไปเลยว่า ได้สิ และจากนั้นทั้งคู่นั้นก็กลายเป็นพี่น้องต่างครอบครัวที่รักใคร่กัน เรนโบว์แดชเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสกูตาลูแล้ว
โอกาสในการทำตามความฝันของเรนโบว์แดชได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวอนเดอร์โบลท์ได้ถึงวันสอบเข้าแข่งขันประจำปี ทำให้เรนโบว์แดชที่อายุผ่านเกณฑ์สามารถไปเข้าสอบได้ ตื่นเต้นมากเลย ฝันเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว เรนโบว์แดชรู้สึกอย่างนั้น และเธอก็บินไปยังศูนย์วอนเดอร์โบลท์หรือสถานที่สอบ เมื่อมาถึงเธอได้พบของมากมายหลายอย่าง ทั้งวอนเดอร์โบลท์คนอื่นๆเอย สนามฝึกเอย รวมถึงหัวหน้าวอนเดอร์โบลท์ปัจุบันนั่นก็คือสปริทไฟร์ เธอยิ้มออกมาอย่างมั่นใจว่าเธอจะต้องสอบผ่านแน่ๆ อุตส่าห์ฝึกมาเป็นชาติ กริ้งๆได้เวลาสอบแล้ว ผู้สมัครสอบทุกคนมายืนประจำการที่นัดพบก่อนที่จะได้พบกับผู้ควบคุมการสอบ คือสปริทไฟร์ ใช่เธอคือหัวหน้านั่นเอง แล้วแค่การพูดคุยกันยังกับ ร.ด. หรือไม่ก็ทหาร คือหัวหน้าทุกคนต้องอารมณ์เกรี้ยวกราด ดุดัน พูดทำร้ายจิตใจ สปริทไฟร์ก็ทำแบบนั้นแหละ เหมือนทุกคนจะรู้สึกกลัวและไม่มั่นใจในทันทีเพราะว่าแค่ผู้คุมสอบอารมณ์ร้อนขนาดนี้ ถ้าสอบผ่านแล้วไปอยู่ในค่ายจะรอดไหมหว่า แต่ว่าจะมีโพนี่ที่ไม่สะทกสะท้าน นั่นก็คือเรนโบว์แดชของเรานั่นเอง ฝึกมาหลายปีทนได้อยู่แล้วแหละ มีอีกตัวด้วยชื่อว่าไลท์นิ่งดัสท์ ต้องบอกก่อนว่าดัสท์มีนิสัยคล้ายๆแดชชี่เลย คือมีความมั่นใจ เก่ง ห้าว และกล้าหาญ อีกทั้งยังฮาร์ดคอร์กว่าด้วย เมื่อทั้งคู่ต่างมองอีกฝ่ายที่เหมือนกันก็ตีสนิทและกลายเป็นเพื่อนเลย (หลังสอบรอบแรกเสร็จนะ) แดชก็พูดคุยสับเพเหระกับดัสท์เหมือนเป็นคนรู้จักกันมานาน ดัสท์ก็เล่นด้วยนะเพราะนานๆทีจะเจอคนคล้ายๆตัวเอง ทั้งคู่เข้ากันได้ดีมาก เหมือนจะไม่มีอะไรใช่มั้ย แดชเจอคนที่คล้ายเธอแต่ฮาร์ดคอร์กว่า จึงตีสนิทและเป็นเพื่อน สอบด้วยกันและทำคะแนนได้ดีทั้งคู่ คำตอบคือใช่ แต่ว่าคำตอบค่อยๆเปลี่ยนเป็นไม่ เพราะว่าดัสท์เริ่มทำตัวเห็นแก่ตัวเรื่อยๆ เช่นทำผิดกฏพุ่งใส่คนอื่นเพื่อแซง แดชก็ผิดสังเกตเหมือนกันเธอเห็นว่าเพื่อนสีมินท์คนนี้อาจจะไม่เหมือนที่คิด จนการสอบครั้งสุดท้ายที่แข่งเป็นคู่สุ่ม แดชได้จับคู่กับดัสท์โดยบังเอิญ ทั้งคู่ก็แข่งกับคนอื่นและช่วยกันก็ไม่มีอะไรมากและด้วยที่ทั้งคู่บินเก่งมากขนาดนี้ทำให้ชนะเป็นที่หนึ่งก่อนคนอื่นเร็วมาก และต้องรอจนกว่าการแข่งขันจะเสร็จ เรื่องจะ Happy กว่านี้ถ้าดัสท์รอคนอื่นโดยไม่ได้ป่วนใคร แต่เธอบอกกับแดชว่าเธอยังไม่สะใจเลยและอยากป่วนคนอื่น แดชได้ยินจึงห้ามปรามเพื่อนมินท์ของเธอแต่ดัสท์ก็ไม่สน เธอได้สร้างทอร์นาโดเพื่อไว้ป่วนผู้แข่งขันคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นเองเพื่อนของแดชที่นั่งบอลลูนเพื่อมาแวะเธออยู่พอดีโดนลูกหลงจากทอนาโดเข้า ทำให้บอลลูนพังและกำลังร่วงลงมา ซวยแล้ว! แดชไม่สนอะไรรีบไปช่วยเพื่อนทันที โชคยังดีที่ผู้แข่งขันคนอื่นมาช่วยด้วย ทำให้เพื่อนของแดชปลอดภัย หลังจากช่วยไว้ได้แดชได้ต่อว่าดัสท์ทันทีที่เกือบทำให้เพื่อนเธอตาย แทนที่ดัสท์จะรู้สึกผิดปล่าวเลยเธอนิ่งเฉยและไม่แคร์ สิ่งนี้เองทำให้แดชรู้สึกท้อแท้และผิดหวังกับการเป็นวอนเดอร์โบลท์อย่างมาก เพราะคิดว่าการที่จะเป็นได้ต้องมีสัยเลวๆ แล้วดัสท์ดันได้เป็นหัวหน้าตัวสำรองด้วย เธอจึงมุ่งไปยังห้องทำงานของสปริทไฟร์และขอลาออก โดยให้เหตุผลที่กล่าวมา สปริทไฟร์จึงตอบกลับแดชไปว่า "การเป็นที่หนึ่งไม่ใช่การทำตัวเลวทรามตามผู้อื่น การเป็นคนที่สำเร็จไม่ใช่การกดดดันตนเองเป็นแบบผู้อื่นแต่คือการดันตนเองให้ไปทางที่ถูก ซึ่งเธอก็ทำแบบนั้นใช่มั้ย" แดชพยักหน้า พร้อมกับคำปฏิเสธของสปริทไฟร์ที่จะลาออก เธอรีบมุ่งไปยังดัสท์และรับรู้ความวินาศสันตโลที่เกิดขึ้น เธอจึงไล่ดัสท์ออกและนำตัวออกไป ดัสท์ทำหน้าเกลียดชังเหมือนเป็นนัยว่าจะกลับมาแก้แค้น แดชจึงได้สอบผ่านเป็นหัวหน้าตัวสำรองแทนที่ไลท์นิ่งดัสท์ แดชดีใจเป็นอย่างมากที่อย่างน้อยความฝันของเธอก็เป็นจริง เธอดีใจเป็นยกใหญ่พร้อมกับเสียงความยินดีจากเพื่อนเธอ ในที่สุดความพยายามและความไม่ยอมแพ้ที่ฝึกมาเป็นชาติก็ทำให้เรนโบว์แดชประสบความสำเร็จในชีวิต และเธอก็ภูมิใจในการทำให้ฝันในวัยเด็กเป็นจริง
ผ่านมาหลายๆวันก็มีเรื่องราวอลหม่านอีกแล้วคือการช่วยให้ดิสคอร์ดที่เคยทำลายเมืองครั้งที่แล้วกลายเป็นคนดี ซึ่งก็สำเร็จ เอาล่ะถึงช่วงคลายแมกซ์ของซีซั่น 3 ทไวไลท์ได้รับเวทย์มนตร์ของสตาสเวิร์ลที่เขียนไม่เสร็จเพราะล้มเหลว จนทำให้คิ้วตี้มาร์คของเพื่อนสลับกันและเกิดความวุ่นวาย เธอเลยเเก้ปัญหาร่วมกันโดยใช้พลังมิตรภาพ และก็สามารถแก้ได้สำเร็จ พร้อมทั้งคำชื่นชมขององค์หญิงเซเลสเทียและเปลี่ยนให้ทไวเป็นอลิคอร์น จบ
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 3 ของแดชได้ดังนี้--- ช่วยอาณาจักรคริสตัลหรือช่วยโลกครั้งที่ 4 ปราบราชินีคริสซาลิสที่มาบุกรอบสองหรือช่วยโลกครั้งที่ 5 โดนร่างโคลนของพิ้งค์กี้หลายร้อยตัวป่วน ฟังเรื่องราวความรักของไชน์นิ่งอาร์มเมอร์กับแคเดสท์ ร่วมกันกำจัดทริกซี่ที่มาบุกเมือง เป็นพี่น้องบุญธรรมกับสกูตตาลู สอบวอนเดอร์โบลท์ผ่านได้เป็นหัวหน้าตัวสำรองพร้อมยังสร้างคู่อริที่จะมาแก้แค้นภายหลัง กำจัดสองพี่น้องเกรมลินที่คอยสร้างความปั่นป่วนทางสภาพอากาศ เตรียมงานเอเควสเทรียเกมที่อาณาจักรคริสตัล ช่วยดิสคอร์ดกลายเป็นคนดี ฉลองงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ของโพนี่วิลล์ ทไวไลท์กลายเป็นอลิคอร์นและแดชสอนบิน
ซีซั่น 4[]
หลังจากที่ทไวไลท์กลายเป็นอลิคอร์น ก็มีเรนโบว์แดชนี่แหละที่ทำหน้าที่สอนบินให้กับเธอ สอนไปเรื่อยๆจนทไวไลท์บินได้คล่อง จนมาถึงวัน summer sun celebration ปีที่สอง ก็เกิดเรื่องขึ้นก็คือองค์หญิงทั้งสองหายตัวไปแถมโพนี่วิลล์ยังถูกรุกรานจากป่าเอฟเวอร์ฟรี เมื่อโพนี่ทั้งหกสืบเสาะไปเรื่อยๆก็เกิดจากพลังของพฤกษาแห่งความปรองดองใช้งานไม่ได้ ที่ใช้ไม่ได้ก็เกิดจากโดนเถาวัลล์ที่ดิสคอร์ดปลูกมาเมื่อพันปีที่แล้วมายึดร่างซึ่งทำให้มันหยุดการป้องกันคำสาปป่าเอฟเวอร์ฟรี จนในที่สุดพวกเขาก็มีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ นั่นก็คือใส่ธาตุแห่งความปรองดองลงในพฤกษา และนั่นทำให้เรื่องร้ายๆจบลงพร้อมยังช่วยองค์หญิงทั้งสองได้ อีกเช่นเคยพวกเขาโดนสรรเสริญเยินยอจากผู้คนรอบที่ 6 แดชกับเพื่อนช่วยโลกได้อีกแล้ว และก็มีปริศนากล่อง 6 รูกุญแจจากพฤกษาโดยที่ทไวไลท์ขอเก็บไว้เอง
ผ่านเรื่องวุ่นๆมาอีกหลายวัน ก็ถึงวันที่หนังสือแดริ่งดูเล่มใหม่กำหนดวางขาย แดชที่รอมานานก็ตื่นเต้นมาก จะได้อ่านตอนต่อไปเสียที แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าหนังสือถูกเลื่อนไปอีก 2 เดือนด้วยเหตุผลบางอย่าง เธออารมณ์เสียอยู่สักพักก่อนที่จะคิดได้ว่า เอ เราก็อยากพบกับคนแต่งตัว ต่อตัวอยู่แล้วนิ ทำไมเราไม่ไปลองช่วยเขาบ้างล่ะ ได้ทั้งทำงานกับคนดังและก็อยู่ด้วยกันอีก บางทีเราอาจจะได้แก้ปัญหาชีวิตเขาด้วย โอโหโดนชมอีก ว่าแล้วเธอจึงขอดูที่อยู่ของคนแต่งจากทไวไลท์เพราะเธอรู้ดีกว่าเนื่องจากอ่านมาก่อน ทไวไลท์ไม่ค่อยเต็มใจมากนักเธอจึงบอกว่ามันเหมือนเป็นการรบกวนเขามากกว่าอีก แดชก็......ไม่ฟังหรอก อีนี่อยากจะพบกับคนดังจนเป็นบ้าอยู่แล้ว ทไวไลท์ก็ต้องยอมไป พร้อมยังพาแก็งค์เพื่อนทั้งหมดไปด้วย จะได้ควบคุมพฤติกรรมแดช เมื่อมาถึงก็พบกับคนแต่งที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักแถมยังโดนปฏิเสธที่จะช่วยด้วย แดชก็ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยเธอก็ได้พบตัวจริงสักทีเห็นแค่ชื่อกับลายเซ็น แต่ทันใดนั้นมีโพนี่นามว่า คาบาเรลอน มาโจมตีบ้านคนแต่งและบอกว่าจะเอาสมบัติอะไรบางอย่าง คนแต่งก็สู้เช่นกันก่อนที่ความจริงทั้งหมดจะเฉลย ทำเอาแดชกับทไวไลท์อึ้งปากค้างไปเลย คนแต่งนั่นก็คือ แดริ่งดูตัวจริงนั่นเองเหมือนนิยายเป๊ะๆ ในบ้านก็เกิดการต่อสู้สุดมันส์ขึ้นก่อนที่คาบาเรลอนจะแย่งสมบัตินั้นไปได้ แดชยังคงอึ้งกับสิ่งที่เห็น ส่วนแดริ่งดูนั้นก็ตามคาบาเรลอนไปเพื่อเอาสมบัติคืน แดชได้รู้ทีหลังว่าคาบาเรลอนกับสมบัตินั้นก็อยู่ในนิยายเหมือนกัน โดยสมบัตินั้นคือวงแหวนแห่งโชคชะตาที่เมื่อทำพิธีแล้ว บริเวณนั้นจะไฟลุกไหม้และเผาจนไม่เหลืออะไร และเป้าหมายของคาบาเรลอนคือนำวงแหวนไปขายให้กับอฮุลิโซทลปีศาจคล้ายสุนัขเพื่อนำไปทำพิธีกรรม แดชที่รู้อย่างนั้นเธอจึงรีบตามไปช่วยแริ่งดูทันทีโดยมีเพื่อนของเธอตามมาติดๆ แต่แล้วก็ล้มเหลวเมื่อแดชเองนี่แหละที่เผลอทำให้แดริ่งดูโดนจับโดยปีศาจหมา ไม่เรียกชื่อแล้วกัน อ่านยาก แดชรู้สึกแย่มากๆกะจะมาช่วยแต่ดันก่อเรื่องซะได้แถมยังโดนแดริ่งดูต่อว่าอีก เพื่อนของเธอที่พึ่งตามมาถึงก็รู้เข้าจึงปลอบเรนโบว์แดชให้ไปช่วยแดริ่งดูอีกครั้ง โดยคราวนี้ไม่ต้องทำตัวป่วน แดชก็กลับมาฮึกเหิมและรีบไปช่วยแดริ่งดูยังวิหาร ส่วนเพื่อนของเธอจะมาสมทบทีหลัง และในที่สุดแดชกับเพื่อนของเธอก็สามารถช่วยแดริ่งดูและสามารถยับยั้งพิธีกรรมได้สำเร็จ เรนโบว์แดชได้ไปปรับความสัมพันธ์กับแดริ่งดูและบอกสิ่งสำคัญให้แดริ่งดูทราบว่าต้องมีเพื่อนไม่ใช่โซโลเดี่ยวแล้วจะรอดหมด เพราะแดริ่งดูปฏิเสธการช่วยเหลือมาตลอดจนเกือบทำให้ไม่รอด แดริ่งก็ยอมรับและทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนด้วยกัน สุดยอดเลยแดชได้นักเขียน/นักสำรวจคนดังเป็นเพื่อน ต่อมาเธอก็ถูกใส่ในเครดิตหนังสือแดริ่งดูด้วย แดชรู้สึกดีอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายขายดี อีกอย่างเธอกลายเป็นแฟนยอดพันธุ์แท้ด้วยเพราะเป็นคนรู้จักกับคนแต่งหรือเอเคเยียร์ลิ่ง ชื่อแฝงของแดริ่งดู
ต่อมาจนถึงงานเอเควสเทรียเกมรอบแรกที่เรนโบว์ฟอลล์ เรนโบว์แดชเป็นโค้ชฝึกทีมโพนี่วิลล์ที่ลูกทีมนั้นค่อนข้างที่จะ...กะโหลกกะลาหน่อย อย่างไรก็ตามเรนโบว์แดชเหมือนเป็นฮีโร่ของโพนี่วิลล์ ชาวเมืองบางคนยังพูดว่าถ้าไม่มีเรนโบว์แดช โพนี่วิลล์คงไม่มีชื่อเสียงในวันนี้ เมื่อมาถึงเรนโบว์ฟอลต่างทีมต่างคนต่างกำลังฝึกอยู่ด้วยใจที่มุ่งมั่น ส่วนทีมโพนี่วิลล์ก็กำลังฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน แต่ที่เรนโบว์แดชคาดไม่ถึงก็คือวอนเดอร์โบลท์ผู้เป็นทีมของคลาวส์เดลได้มาลงแข่งด้วย เรนโบว์แดชนั้นรู้สึกไม่มั่นใจในทันทีเพราะว่าทีมตัวเองนั้นช่างไม่เก่งต่างกับนักกรีฑาที่ฝึกมาหลายปีเหลือเกิน เธอรู้สึกท้อแท้กับลูกทีมของเธอแต่เธอก็พยายามฝึกซ้อมให้ดีที่สุด จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ซอรินหนึ่งในวอนเดอร์โบลท์ที่ลงแข่งเกิดอุบัติเหตุจนปีกหักไม่สามารถบินได้ ทำให้คลาวส์เดลสูญเสียคนลงแข่งในทันที วอนเดอร์โบลท์มาแค่สองคนก็หาใครอื่นไม่ได้นอกจากเรนโบว์แดช เธอรีบสมัครไปทันทีพร้อมทำตัวหล่อเท่อีกด้วย อย่าลืมนะว่าเธอนั้นก็เป็นทีมโพนี่วิลล์เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงซ้อมและฝึกทั้งสองทีมในเวลาเดียวกัน จนเธอตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าทีมไหนดี ทีมนึงก็หล่อเท่ เข้าแล้วมีหน้ามีตา อีกทีมก็แย่แต่ถ้าเธอทำให้ผ่านฉลุยได้เธอจะเป็นที่ยกย่อง แทนที่เธอจะเลือกทีมใดทีมหนึ่งเธอกลับแกล้งบาดเจ็บเพื่อไม่เข้าแข่งขันซะเลย ขณะที่พักตัวที่ห้องรักษาเพื่อนของเธอและคนในทีมต่างมาให้กำลังใจอย่างสุดซึ้งจนน้ำตาไหล เธอเห็นธงทีมตัวเองที่โดนแสงอาทิตย์ส่องเหมือนเป็นนัยว่า เธอต้องทำเพื่อบ้านของเธอ เพื่อนของเธอ อีกทั้งเธอยังรู้ว่าจริงๆแล้วซอรินก็แกล้งเจ็บเช่นกันเพราะเขาโดนสปริทไฟร์ติเรื่องบินไม่สุด ทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวเอง และแกล้งสร้างอุบัติเหตุจนปีกหัก เปกาซัสทั้งสองต่างมีความมั่นใจในตนเองแล้ว และพวกเขาก็ได้เข้ามาร่วมทีมของตัวเองอีกครั้งและพยายามให้ถึงที่สุด และแล้วความภักดีและความพยายามก็เป็นผลทีมทั้งสองได้ชนะเลิศและเรนโบว์แดชเองก็ได้กลายเป็นฮีโร่แห่งโพนี่วิลล์ พร้อมทั้งเธอยังได้เข็มกลัดจากวอนเดอร์โบลท์เพื่อแสดงถึงความภักดีของเธอ ชาวเมืองโพนี่วิลล์ยังได้จัดปาร์ตี้วันเกิดของเรนโบว์แดชอีกด้วย มีชื่อเสียงมากขึ้นแล้วนะ เรนโบว์แดช
มีเรื่องวุ่นๆอีกแล้วเมื่อเรนโบว์แดชได้รับจดหมายให้ไปหาองค์หญิงแห่งไดมอนเดีย เธอตื่นเต้นมากที่มีองค์หญิงจากอาณาจักรที่เธอไม่รู้จักให้ไปหา เมื่อมาถึงปรากฏว่าอาณาจักรนั้นเป็นอาณาจักรหมาไดมอนด๊อก เธอได้พบกับองค์หญิงไดมอนเดียนั่นก็คือทริกซี่ ทริกซี่เล่าว่าเธอแค่จะเดินทางไปแสดงมายากลที่ซีแอดเดิลแต่ระหว่างทางรถของเธอก็เกิดตกโคลน ทำให้ของต่างๆพังเสียหาย ไดมอนด๊อกแถวนั้นที่เดินผ่านมาได้เห็นอัญมณีมากมายที่อยู่ในรถของทริกซี่ พวกมันจึงจับเธอมาเป็นผู้ปกครองหมู่บ้านของพวกมันเพราะมีความเชื่อว่าผู้ที่ครอบครองอัญมณีมากที่สุดสมควรถูกยกย่อง และตอนนี้เธอก็ไม่สามารถหนีมาได้เลยเพราะเธอถูกบังคับให้เป็นองค์หญิงของอาณาจักรไดมอนด๊อก และสาเหตุที่เธอต้องส่งจดหมายไปหาแดชนั่นก็เพราะเธอเคยเห็นความสามารถของเรนโบว์แดชที่มีความว่องไวและชาญฉลาด เรนโบว์แดชกับทริกซี่จึงได้วางแผนหลอกล่อไดมอนด๊อก และก็เป็นผลสำเร็จเรนโบว์แดชกับทริกซี่สามารถหนีออกมาจากอาณาจักรบ้าๆนี่ได้ ก่อนที่เรนโบว์แดชได้สร้างความสัมพันธ์กับทริกซี่และทั้งคู่ก็แยกจากกัน
การสอบประวัติศาสตร์วอนเดอร์โบลท์ได้มาถึงแล้ว และสมาชิกวอนเดอร์โบลท์หน้าใหม่ต้องสอบทุกคน แต่เรนโบว์แดชนั้นกลับชิลและมั่นใจเกินไป จนไม่ได้ทบทวนบทเรียนอะไรเลย ไม่สิ ไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ ขนาดทไวไลท์ที่ไม่ได้เก่งเรื่องบินยังสอนเรนโบว์แดชไม่ได้เลยเพราะเธอไม่สนใจ จนทไวไลท์ก็ค้นพบวิธีการเรียนรู้ของเรนโบว์แดชนั่นคือการสังเกต เธอให้ชาวเมืองช่วยกันทำประวัติศาสตร์วอนเดอร์โบลท์ให้เรนโบว์แดชสังเกต และในที่สุดเธอก็จำได้และสอบผ่านในที่สุด นั่นแสดงให้เห็นว่าเรนโบว์แดชนั้นเริ่มมีชื่อเสียงมากแล้ว สังเกตที่ชาวเมืองช่วยเธออย่างถึงที่สุด
ต่อมาเรนโบว์แดชก็ได้ไปช่วยสปริทไฟร์ให้สามารถสอนพวกเด็กๆได้ โดยที่ไม่ต้องประหม่าและใช้วิธีแบบทหาร เธอบอกสปริทไฟร์ไปว่าเธอแค่ต้องทำตัวให้เป็นฮีโร่ต่อหน้าเด็กๆ มันจะทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจและอยากเป็นฮีโร่ตาม สปริทไฟร์ก็ขอบคุณกับความช่วยเหลือที่ดีของแดช ก่อนที่แดชจะกลับไปบ้านของตน ตอนนี้แดชกับสปริทไฟร์เป็นมากกว่าโค้ชกับทีมแล้ว นั่นก็คือพวกเขาได้กลายเป็นเพื่อนกัน
วันแห่งฮีโร่กลับมาอีกแล้ว เมื่อทิเรคสามารถออกจากคุกไปได้ และไปดูดกลืนเวทย์มนตร์ของโพนี่ทุกตัวไม่เว้นแม้แต่องค์หญิง แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมโพนีทั้งหกสามารถปราบทิเรคไว้ได้และนำไปขังที่คุกทาทารัสดั่งเดิม แต่ก่อนที่เรื่องราวจะจบนั้น ยังจำกล่องหกกุญแจตอนต้นได้มั้ย ตัวไขมันคือของที่พวกเขาแต่ละคนได้รับจากผู้คนที่ได้ไปช่วยเหลือมาตามธาตุของตัวเอง เช่นแดชช่วยเมืองโพนี่วิลล์ก็ได้เข็มกลัดของวอนเดอร์โบลท์จากงานเอเควสเกมเพื่อขอบคุณความภักดี เมื่อไขออกมาแล้วก็ได้กำเนิดปราสาทมิตรภาพเพื่อเป็นบ้านหลังใหม่ของทไวไลท์และที่ประชุมภารกิจการช่วยเหลือผู้คนของพวกเขา สุดท้ายก็ถูกชื่นชมจากชาวเมืองและองค์หญิงอีกครั้ง นี่คือการช่วยโลกครั้งที่ 9 นับจากที่สรุปไว้ข้างล่างด้วย แดชกับเพื่อนนี่กลายเป็นวีรสตรีของบ้านเมืองจริงๆ ช่วยโลกจากวายร้ายเป็น 9 รอบ
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 4--- ร่วมมือกันช่วยโลกอีกครั้งและค้นพบพฤกษาแห่งความปรองดอง(6) สำรวจปราสาทสองพี่น้องที่ถูกทิ้งร้าง ผจญภัยกับกัปตันฮูฟเบิร์ด กลายเป็นเพื่อนกับแดริ่งดู ให้กำลังใจสกูตตาลู ติดอยู่ในโลกหนังสือการ์ตูน ช่วยโพนี่วิลล์จากการโจมตีของตัวละครในนิยายที่หลุดออกมาหลายตัว(7) ช่วยฟลัทเทอร์ชายให้หลุดออกจากร่างค้างคาว ไปดูละครที่เมนฮัตตันกับเพื่อน ภักดีต่อทีมโพนี่วิลล์ทำให้ชนะเอเควสเทรียเกมและกลายเป็นฮีโร่ของเมือง ช่วยองค์หญิงเซเลสเทียที่ติดในโลกคู่ขนาน(8) ช่วยบรีซซี่ที่หลงฝูงกลับรัง ช่วยทริกซี่ออกจากเมืองไดมอนด๊อกพร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับเธอ ทำความรู้จัก มอดพาย พี่สาวพิ้งค์กี้พาย สอบผ่านวิชาประวัติวอนเดอร์โบลท์ด้วยความช่วยเหลือของชาวเมือง เกือบขายฟลัทเทอร์ชายเพียงแค่ต้องการหนังสือลิมิเตทอิดิชั่น ช่วยสปริทไฟร์สอนเด็กๆ ช่วยโลกร่วมกันรอบที่ 9 จากทิเรคและกำเนิดปราสาทมิตรภาพ
ซีซั่น 5[]
หลังจากการปราบทิเรคไปได้ไม่นาน พวกเขาทั้งหมดก็ได้มาสำรวจปราสาทบ้านหลังใหม่และก็ได้ค้นพบแผนที่คิ้วตี้มาร์ค มันเป็นโต๊ะที่เป็นแผนที่ทวีปเอเควสเทรียโดยจะทำหน้าที่เรียกพวกเขาไปทำภารกิจช่วยเหลือผู้คนยังสถานที่ที่มันบอก ครั้งแรกก็ส่งไปยังที่ที่ไม่รู้จัก แต่พวกเขาก็ต้องไปเพราะมันไม่มีอะไรให้ทำ จนได้รู้ว่ามันคือหมู่บ้านคอมมิวนิสท์ที่นำโดยยูนิคอร์นหัวสังคมนิยมชื่อ สตาไลท์กลิมเมอร์ โดยเธอตั้งกฏง่ายๆถ้าจะอยู่ที่นี่ คือ ต้องลบคิ้วตี้มาร์ค เพราะเมื่อไม่มี มันก็ไม่มีใครมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นและทำให้มันยุติธรรม ก็บอกแล้วนี่คือหลักการของคอมมิวนิสท์ ผลก็คือเละ ชาวบ้านทำอะไรก็ไม่เป็นเพราะไม่ได้เก่งอะไรเลย สตาไลท์นี่ก็ชั่วร้ายลบคิ้วตี้มาร์คของเมนซิกแล้วบังคับให้อยู่ แต่สุดท้ายตัวละครหลักของเราก็ร่วมมือกันกับชาวบ้านบ้างส่วนที่ทนไม่ไหวกำจัดสตาไลท์ออกไปได้ และเธอก็จะรอวันล้างแค้น ส่วนคิ้วตี้มาร์คนั้นก็ได้คืนมา หมู่บ้านได้รับการปรับปรุงและอยู่อย่างมีสุขและเมนซิกก็ได้กลายเป็นฮีโร่ของเมืองนี้ไป นี่คือการช่วยโลกครั้งที่ 10 คราวนี้แดชกับเพื่อนช่วยหมู่บ้าน
ต่อมาก็ช่วยโลกอีกแล้ว รอบนี้แดชกับเพื่อนได้พบกับกวางวิเศษจากป่าเอฟเวอร์ฟรี โดยพวกเขาได้บอกว่าพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องป่าเอฟเวอร์ฟรีจากการถูกรุกราน โดยขณะนั้นเองป่าเอฟเวอร์ฟรีกำลังขยายอาณาเขตและทำลายบ้านเมืองไปทั่วเนื่องจากราชาของที่นี่ต้องการแก้แค้นที่มีมิโนทอร์นักธุรกิจตัดไม้ทำลายป่ามาสร้างสวนสนุก ถึงบอกไปแล้วก็ทำเป็นหูทวนลมและกวนบาธา ตัดมาที่ช่วงสุดท้ายเลยแล้วกัน แดชกับเพื่อนและฝูงกวางวิเศษสามารถกำจัดและไล่มิโนทอร์จอมกวนบาธาและทีมของเขาออกไปได้ และราชากวางป่าก็ได้ยกเลิกการโจมตีบ้านเมือง ถือว่าเป็นการช่วยโลกครั้งที่ 11 ของเหล่าเมนซิก
ตัดกลับมาที่เรนโบว์แดชบ้างอยู่กับแก็งค์เพื่อนมานาน ต่อมาไม่รู้กี่วันแดชกับพิ้งค์กี้ได้รับภารกิจจากแผนที่คิ้วตี้มาร์คเป็นครั้งแรก โดยพวกเขาต้องไปยังกริฟฟอนสโตนหรือเมืองกริฟฟอน แดชได้อ่านประวัติศาสตร์กริฟฟอนทำให้เธอรู้เรื่องราวของสมบัติในตำนานที่นำพาความมั่งคั่งแก่กริฟฟอน โดยตอนนี้มันไปอยู่ในเหวลมแรง เธอคิดว่าเป้าหมายของภารกิจนี้คือการกู้ชีพสมบัติเพื่อทำให้กริฟฟอนสโตนกลับมาเจริญมั่งคั่ง หลังจากศึกษามาเสร็จแดชกับพิ้งค์ก็ได้มาถึงกริฟฟอนสโตนและค้นพบว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยกริฟฟอนใจหยาบ นิสัยเลวและเห็นแก่ตัว ไม่ทันไรแดชก็พบกับคู่อริของเธออีกครั้ง นั่นก็คือกิลดาจากซีซั่นแรกนั่นเอง ทั้งคู่ยืนทะเลาะกันอีกครั้งก่อนที่พิ้งค์กี้จะมาหยุดพวกเขาเอาไว้ด้วยมุขตลก แดชใจเย็นอยู่สักพักก่อนที่จะถามกิลดาเรื่องสมบัตินั่นและขอให้ช่วย กิลดาก็หัวเราะก๊ากเลย เพราะเธอคิดว่านั่นคือเรื่องเหลวไหลสิ้นดีและปฏิเสธที่จะช่วย เรนโบว์แดชกับพิ้งค์กี้จึงตัดสินใจไปกันเอง เมื่อมาถึงเหวที่ว่าแดชก็ทำหน้าที่หย่อนตัวส่วนพิ้งค์สังเกต โชคไม่เข้าข้างแดชมากนักระหว่างที่กำลังหย่อนตัวอยู่นั้น เชือกที่ไม่ได้มาตรฐานจากกริฟฟอนดันขาดและทำให้ติดอยู่ในเหวออกมาไม่ได้ พิ้งค์กี้รีบไปหากิลดาเพื่อมาช่วย แต่กิลดาเองนั้นปฏิเสธ พิ้งค์กี้ได้เกลี้ยกล่อมให้กิลดานึกถึงสิ่งดีงามที่เรนโบว์แดชทำกับเธอ กิลดาจึงได้คิดถึงตอนวัยเด็กที่เธอมาโรงเรียนคลาวส์เดลของโพนี่ใหม่ๆ เธอถูกพวกนักเลงล้อเธอหนักมาก เรนโบว์แดชที่บินผ่านมาได้เห็นจึงเข้ามาช่วยเธอ จากนั้นมาทั้งคู่เริ่มตีสนิทกันจนสุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด กิลดานึกไปก็น้ำตาไหล ถ้าไม่มีเรนโบว์แดช แล้วใครจะมาช่วยเราจากพวกนักเลงนั่นล่ะ เราก็เป็นเพื่อนของแดชมาโดยตลอด ตอนนั้นเป็นคนผิดเอง คราวนี้แหละเป็นโอกาสที่เราจะได้ขอโทษเรนโบว์แดช คิดเสร็จเธอจึงรีบไปช่วยเรนโบว์แดชพร้อมกับพิ้งค์กี้ในทันที เรนโบว์แดชรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยังดีที่คนมาช่วย กิลดาและพิ้งค์กี้ก็สามารถช่วยแดชไว้ได้แต่ไม่สามารถเก็บเทวรูปนั่นไว้ได้ เรนโบว์แดชและกิลดารู้สึกผิดหวังนิดๆ แต่พิ้งค์กี้ก็คิดออกว่า ที่แผนที่บอกให้เรามาปรับปรุงกริฟฟอนสโตนคือจิตใจของกริฟฟอนไม่ใช่เงินทอง พิ้งค์กี้จึงมีไอเดียให้กิลดาแจกขนมที่ทำเองแก่กริฟฟอนตัวอื่น ซึ่งมันก็ได้ผล กริฟฟอนตัวนั้นชอบชนมของกิลดาและจิตใจกิลดาเองก็เปลี่ยนแปลง เรนโบว์แดชและพิ้งค์กี้จึงปล่อยให้หน้าที่การเปลี่ยนแปลงกริฟฟอนสโตนเป็นของกิลดา และภารกิจก็สำเร็จ
ช่วงไม่ทราบเวลาต่อมา เรนโบว์แดชกับแรริตี้ได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงที่แคนเทอลอท และพรุ่งนี้เองจะมีการจัดแสดงวอนเดอร์โบลท์ เรนโบว์แดชได้พบกับวินดไรด์เดอร์อดีตสมาชิกวอนเดอร์โบลท์ผู้ที่ได้ทำสถิติความเร็วสูงสุดในประวัติศาสตร์วอนเดอร์โบลท์ สปริทไฟร์ได้แนะนำเรนโบว์แดชกับเขา และพูดหยอกๆว่า เรนโบว์แดชอาจจะทำสถิติแซงเขาก็ได้ เพราะเด็กนี่ฝีกีบไม่เบา นั่นเองทำให้วินดไรด์เดอร์หมั่นไส้เรนโบว์แดชและเกรงว่าเธอจะทำลายสถิติอันยิ่งใหญ่ของเขา เขาทำตามแผนที่วางไว้เป็นอย่างดีเพื่อใส่ความเรนโบว์แดช พร้อมทั้งยังปั่นคนอื่นๆอีกด้วย โชคยังเข้าข้าง แรริตี้สามารถสืบได้สำเร็จและพบว่าเขานั่นแหละเป็นคนทำ ไรด์เดอร์สารภาพด้วยน้ำเสียงโมโหว่าเขาเป็นคนทำเอง เขาไม่อยากให้ใครมาทำลายสถิติ แต่เขาไม่รู้ว่านั่นคือการทำผิดกฏวอนเดอร์โบลท์ และโทษก็คือโดนปลดและลบเรื่องราวของเขาทั้งหมด เรนโบว์แดชรอดมาได้อย่างหวุดหวิดและขอบใจแรริตี้ที่ช่วยเธอ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับวีรสตรีผู้โด่งดัง
เรื่องเลวร้ายได้มาเยือนอีกครั้ง เมื่อแดชกับเพื่อนได้ไปพักผ่อนที่น้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง แต่ว่าน้ำพุร้อนนั่นเกิดมีสารพลังงานความมืดบางอย่างที่ทำให้กลายเป็นคนชั่ว ไม่ต้องถามวันต่อมาพวกเขาได้กลายเป็นวายร้ายที่ชั่วมหาชั่วและสร้างความวินาศสันตโรทั่วโพนี่วิลล์ โชคยังดีที่คิ้วตี้มาร์คครูเซเดอร์และซีโกร่าหาวิธีทำให้พวกเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และไปแก้คำสาปน้ำพุร้อนนั่น เมนซิกจึงขอโทษชาวเมืองโดยการบูรณะโพนี่วิลล์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แน่นอนชาวเมืองให้อภัย
ต่อมาทไวไลท์ก็สามารถทำให้สตาไลท์กลิมเมอร์ที่กลับมาแก้แค้นกลายเป็นคนดีได้ และผูกมิตรกับเธอโดยการไปทำความสนิทสนมกับเพื่อนของเธอ และสตาไลท์ยังได้บอกสาเหตุที่เธอต้องทำชั่วขนาดนี้
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 5--- ช่วยหมู่บ้านให้รอดจากผู้นำหัวคอมมิวนิสท์(10) ช่วยกวางป่าแห่งเอฟเวอร์ฟรีและโลก(11) ช่วยตกแต่งปราสาททไวไลท์ ทำใจได้กับการจำศีลของเต่าแทงค์ ไปงาน Grand Galloping Gala อีกครั้งพน้อมชวนสกูตตาลูไปด้วยฐานะแขก VIP แต่งานก็เละเหมือนปีที่แล้ว คืนดีกับกิลดาและทำให้กริฟฟอนสโตนกลับมาเป็นมิตร ช่วยจัดงานเลี้ยงแก่พวก yak ช่วยองค์หญิงลูน่าจากสิ่งที่พระองค์สร้างไว้ลงโทษตัวเอง เทศกาลไนท์แมร์ไนท์อยู่กับเพื่อนไม่แกล้งคนดีกว่าปีนี้แต่งเป็นนักบินอวกาศ ช่วยกำจัดแอปเปิลปีศาจที่จะมายึดโพนี่วิลล์(12) รอดพ้นจากการใส่ความ พาสกูตตาลูมาเข้างานสายสัมพันธ์พี่น้องฐานะพี่น้องบุญธรรม ฟังเรื่องราวของทไวไลท์กับสไปค์ตอนเด็กๆ แสดงความยินดีกับคิ้วตี้มาร์คครูเซเดอร์ที่ได้คิ้วตี้มาร์ค ถูกความมืดครอบงำและกลายเป็นวายร้ายป่วนบ้านเมือง เป็นเพื่อนกับดิสคอร์ด ผูกมิตรกับสตาไลท์กลิมเมอร์หรืออดีตผู้นำแห่งสังคมนิยม
ซีซั่น 6[]
ไม่นานหลังจากการทำให้สตาไลท์กลายเป็นคนดี ก็ได้มีการจัดพิธีคริสตัลเพื่อฉลองการกำเนิดพระราชธิดาขององค์หญิงแคนเดสท์แห่งอาณาจักรคริสตัล แน่นอนว่าแดชกับเพื่อนและสตาไลท์ต้องไปอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่สตาไลท์ไปนั้นเพราะต้องการไปพบเพื่อนเก่าแก่ของเธอนามว่า ซันเบิร์ส เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกแล้วเมื่อลูกองค์หญิงดันเป็นอลิคอร์นและเผลอใช้เวทย์มนตร์ทำลายหัวใจคริสตัล ซึ่งถ้าไม่มีความหนาวเหน็บจะมาปกคลุมจนอยู่ไม่ได้ เหมือนเดิมเลยพวกเขาช่วยโลกไว้ได้อีกครั้งโดยการสร้างมันมาใหม่ พร้อมทั้งสตาไลท์ยังได้ปรับความสัมพันธ์กับซันเบิร์สอีกด้วย นี่ถือเป็นการช่วยโลกครั้งที่ 13 ของแดชกับเพื่อน
ต่อมาไม่รู้ผ่านไปเท่าไหร่ มีวันนึงที่แดชนั้นโดนคาถาอาคมจากใครก็ไม่รู้ทำให้ปีกของเธอหายไป เธอรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีปีกชีวิตของเธอคงไม่มีความหมายต่อไปแล้ว ทั้งชาติทุ่มเทกับมันแต่ถ้าไม่มีมันชีวิตของเธอจะหาไม่ แต่โชคยังดีที่ทไวไลท์ได้เห็นเหตุการ์ณเป็นคนแรก ทำให้เธอสามารถใช้เวทย์มนตร์สืบหาต้นตอของผู้ที่กระทำได้ นั่นก็คือยูนิคอร์นสามตัวที่อิจฉาในตัวของทไวไลท์ สาเหตุที่อิจฉาก็เพราะว่าพวกมันคิดว่าเธอไม่ได้ทำตัวให้เป็นที่น่ายกยออะไรเลย แค่ผูกมิตร เปลี่ยนนิสัย ไม่ได้ช่วยโลกจริงๆ แต่ดันได้เป็นอลิคอร์นแบบงงๆ พร้อมยังกล่าวหาว่าปีกที่ได้มาจากการขโมยของคนอื่น และคราวนี้เองพวกมันจะล้างแค้นทไวไลท์โดยการขโมยปีกของเพื่อนรักเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของเวทย์มนตร์การกลายเป็นอลิคอร์นของเถื่อน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อร่ายคาถาเสร็จปีกแดชนั้นก็จะไม่สามารถกู้คืนมาได้ เมื่อทราบความชั่วช้าของพวกมันเข้า แดชกับทไวไลท์จึงรีบไปตบและสู้กับพวกมันได้สำเร็จ แดชก็ได้ปีกคืนมาเหมือนเดิม ส่วนพวกมันนั้นถูกทไวไลท์ลงโทษโดยการลบเวทย์มนตร์เขายูนิคอร์นเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนที่แดชกับทไวไลท์จะกลับบ้านไปบินเล่นพักผ่อนกับสิ่งที่เจอ แดชเกือบโดนลบปีกไปแล้วมั้ยล่ะถ้าทไวไลท์ไม่มาช่วย
เจอเรื่องเกือบสูญเสียของรักไปแล้ว ต่อมาก็ได้พบกับเรื่องที่ดีมากๆกับชีวิตเธอบ้าง เมื่อไฟร์สตรีกหนึ่งในสมาชิกวอนเดอร์โบลท์ทีมหลักเกิดเกษียณและหันมาเป็นอาจารย์โรงเรียนนักบินแห่งคลาวส์เดลแทน นั่นเองทำให้วอนเดอร์โบลท์ต้องเลือกเปกาซัสที่เหมาะสมที่สุดให้มาเป็นตัวหลัก จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเรนโบว์แดช วอนเดอร์โบลท์แน่ใจเกินร้อยว่าเธอนั้นเหมาะสมที่สุด พวกเขารอมานานแล้วที่อยากแต่งตั้งยศนี้ให้เธอเสียที เรนโบว์แดชเองก็ตื่นเต้นมากในที่สุดความฝันและความพยายามของเธอก็เป็นจริงเสียที เธอได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าตัวสำรอง มีงานหลายอย่างต้องทำกว่าเดิม และแน่นอนเธอมีโอกาสได้ไปแสดงหลายที่ทั่วทั้งเอเควสเทรีย ตอนแรกๆที่เรนโบว์แดชเป็นน้องใหม่ในฐานะทีมหลักนั้น เธอเกิดอุบัติเหตุชนกับถังขยะด้วยความสะเพร่าของเธอ นั่นเองทำให้สมาชิกคนอื่นๆล้อว่า "เรนโบว์แคลช' ทั้งถูกสปริทไฟร์ตั้งเป็นชื่อเล่นด้วย เธอรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมากเพราะว่าชื่อนี้ก็เป็นชื่อเดียวกันที่พวกนักเลงกะโปกใช้ล้อเธอตอนวัยเด็ก เหมือนคำล้อนี้สำหรับคนอื่นอาจดูขำๆ แต่สำหรับเรนโบว์แดชที่ไม่ยอมใครไม่มีทางให้คนอื่นมาเรียกชื่อแบบนี้หรอก เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกคนในทีมกลับมาเรียกชื่อดั่งเดิมแต่ก็ไม่เป็นผล จนการแสดงครั้งแรกของแดชฐานะทีมหลัก เธอได้วางแผนโชว์เท่เพื่อให้มาเรียกชื่อเดิม แต่เเผนกลับล้มเหลวเธอโดนฟ้าผ่า ชนต้นไม้หลายต้น และตกลงมาที่พื้น ทำงานเละอีกต่างหาก อีกทั้งยังโดนต่อว่าจากคนอื่นๆ เรนโบว์แดชจึงยอมรับสารภาพกับสปริทไฟร์ว่าเธอไม่อยากให้คนอื่นมาเรียกเธอแบบนี้ เธอรู้สึกน่าขายหน้ายังไงไม่รู้ สปริทไฟร์ฟังแล้วขำ เธอเฉลยว่าคนอื่นๆทุกคนก็โดนล้อชื่อแบบนี้แหละ ตัวเธอเองก็เช่นกันเมื่อยังเป็นมือใหม่แถมยังแย่กว่าของเเดชอีก อีกทั้งคนอื่นๆก็ยังมาชื่นชมเธอในเรื่องความสามารถและเรื่องการกอบกู้เอเควสเทรียมานับไม่ถ้วน สปริทไฟร์ให้อภัยเรนโบว์แดชเพราะเข้าใจเธอแต่แดชก็ต้องเก็บกวาดซากความเสียหายที่ทำอยู่ดี เรนโบว์แดชจึงมีใจฮึกเหิม ไม่สนใจคำล้อนั่นอีกต่อไป เธอรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กลายเป็นวอนเดอร์โบลท์อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดเรนโบว์แดชก็ทำให้ฝันของเธอกลายเป็นจริงได้ จากความพยายามมานับไม่ถ้วน
ต่อมาไม่นาน ก็ใกล้ถึงวัน Heart Warming Eve's เป็นวันหยุดเทศกาลของชาวโพนี่ หลังจากที่แดชทำงานกับวอนเดอร์โบลท์เสร็จ เธอก็มีแผนที่จะไปพักผ่อนวันหยุดกับเพื่อนของเธอ แต่ก็ต้องเลิกคิดไปก่อนเมื่อได้รับคำสั่งจากสปริทไฟร์ให้ไปตามหาซอรินที่ขาดการติดต่อเป็นเวลาหลายวัน "เมื่อไม่นานมานี้ ซอรินได้รับคำสั่งให้ไปจัดการกับสภาพอากาศที่แสนหนาวเหน็บที่เมืองทางตอนเหนือแห่งหนึ่ง แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับมาเลย ทางเราก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นอะไรไปหรือไม่แถมยังได้ข่าวมาอีกว่าตอนนี้พายุหิมะที่นั่นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นแล้ว เธอต้องไปช่วยเขาและทำภารกิจให้สำเร็จนะ เรนโบว์แดช" สปิทไฟร์กำชับคำสั่งกับแดช แถมยังบอกอีกด้วยว่าทำไมถึงต้องส่งแดชไป สาเหตุนั่นก็เพราะ เธอสังเกตความสัมพันธ์ของแดชกับซอรินมาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว และก็พบว่าสามารถเข้ากันได้ดีมากกว่าคนอื่นเสียอีก ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทั้งที่ทำงานและที่อื่นๆ ก่อนที่แดชจะมุ่งตรงไปยังเมืองที่สปริทไฟร์ได้บอก เมื่อมาถึงเธอก็ต้องเข้าไปหลบในบาร์ที่อยู่ใกล้ๆ จากความหนาวเหน็บของพายุหิมะที่โหมกระหน่ำข้างนอก แต่ไม่รู้ว่าพรหมลิขิตหรืออะไร ในนั้นเธอก็ได้พบกับซอรินที่ดูเหมือนบาดเจ็บจากการไปต่อสู้กับพายุข้างนอก ด้วยความเป็นห่วงเธอจึงรีบเข้าไปไถ่ถามเรื่องราวกับซอรินและอาสาที่จะช่วยเขาในการกำจัดพายุหิมะลูกนั้น แต่ทางซอรินกลับปฏิเสธที่จะตอบและคำอาสาพร้อมยังไล่เธอไปไกลๆด้วยความรู้สึกที่โกรธเคือง แดชรู้ได้ทันทีว่าซอรินพยายามที่จะกำจัดพายุหิมะนั่นอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่สำเร็จทุกครั้ง เพราะมันแข็งแกร่งเกินไปกว่าที่เปกาซัสที่มีความสามารถตัวเดียวจะทำได้ เขาจึงเกลียดความพ่ายแพ้ของตนเองและไม่ยอมที่จะให้ใครช่วย แดชจึงไปพูดคุยปรับความเข้าใจและโน้มน้าวความคิดของซอริน ซึ่งมันก็ได้ผล ซอรินไม่อับอายกับความพ่ายแพ้และอนุญาตให้แดชเข้ามาช่วย แดชดีใจมากๆที่สามารถเปลี่ยนความคิดของคนที่จะยอมแพ้ได้ หลังจากซอรินมีอาการดีขึ้นพวกเขาได้ออกไปข้างนอกและร่วมมือจัดการและทำลายพายุหิมะที่แสนรุนแรงนั่นได้สำเร็จ เมืองแห่งนี้สามารถรอดจากการโจมตีของธรรมชาติและชาวเมืองก็ออกมาชื่นชมกับความช่วยเหลือของพวกเขา ก่อนที่จะกลับค่ายวอนเดอร์โบลท์นั้นทั้งสองได้พูดคุยสับเพเหระและยอมรับคำขอเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย ในที่สุดแดชกับซอรินก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และบินกลับไปยังค่ายวอนเดอร์โบลท์เพื่อยืนยันว่าภารกิจสำเร็จ จากเหตุการ์ณนี้ทำให้เรนโบว์แดชได้เพื่อนสนิทอีกคนจากวอนเดอร์โบลท์ นั่นก็คือซอริน
หลังจากผ่านฤดูหนาวไปได้ไม่นาน งานนิทรรศการรวมพลแฟนๆนิยายแดริ่งดูก็ถูกจัดขึ้น รวมถึงตัวคนแต่งหรือแดริ่งดูเองก็อยู่ในงานนั้นด้วย มีหรือของล่อตาล่อใจสำหรับแดชขนาดนี้ เธอไม่พลาดแน่นอน ยิ่งเป็นเเฟนๆแดริ่งดูตัวยง ว่าแล้วเธอเตรียมตัวและรีบมุ่งไปยังงานนั้นทันที เมื่อมาถึงเธอได้พบกับแฟนๆแดริ่งดูคนอื่นมากมาย และกิจกรรมสนุกๆหลายอย่าง ระหว่างที่กำลังเดินชมอยู่นั้นเธอก็ได้พบกับควิบเบิลแพ้นท์ แฟนๆแดริ่งดูคนหนึ่งที่ถือได้ว่าเขารู้เรื่องนี้พอสมควร และด้วยการที่ทั้งคู่รู้เนื้อเรื่องและสิ่งอื่นๆของแดริ่งดูมากเหมือนกัน ทำให้พวกเขาแทบจะเข้ากันได้ดี แรกๆนั้นก็คุยสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ แต่เมื่อแดชพูดถึงนิยายแดริ่งดูเล่มหลังๆ ควิบเบิลแพ้นท์ก็รีบปัดเรื่องไปทันทีโดยเขาอ้างว่าเขาไม่ชอบการผจญภัยของภาคหลังเอาเสียเลย เนื่องจากเนื้อเรื่องดูเวอร์วังเกินไปทำให้มันไม่สมจริง แดชก็เถียงกลับเพราะเธอเคยผจญภัยกับแดริ่งดูตัวจริงมาแล้วจึงทำให้รู้ว่ามันไม่ได้เวอร์วัง แต่ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ ถ้าบอกว่าเคยอยู่กับแดริ่งดูเดี๋ยวก็โดนหาว่าบ้า แล้วการทะเลาะของทั้งคู่ก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายก็หาเหตุผลของตัวเองมาอ้าง ในเมื่อไม่มีใครเถียงชนะ ทำให้พวกเขาตัดความเป็นเพื่อนและหันมาเป็นศัตรูแทน แดชโมโหจัดจึงไประบายกับแดริ่งดู แต่แดริ่งนั้นไม่ได้แคร์อะไร เธอห่วงสมบัติโบราณที่ถูกขโมยมาจะถูกคาบาเรลอนเจ้าเก่ามายึดและนำไปขายมากกว่า เธอจึงฝากแดชให้ไปสอดส่องผู้คนในงาน เพราะหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นกลุ่มของคาบาเรลอนที่กลมกลืนกับคนอื่นที่ใส่คอสเพลย์ แดชหลังระบายเสร็จก็รับทราบและช่วยสังเกตการ์ณ ขณะนั้นเธอก็เผลอเจอกับควิบเบิลแพ้นท์อีกรอบ แน่นอนว่าต้องกลับมาทะเลาะกัน แต่คราวนี้พวกเขาตัดสินใจที่จะไปทะเลาะข้างนอกแทนจะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่น แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็ถูกลักพาตัวจากคาบาเรลอนมายังป่าที่เป็นต้นกำเนิดของสมบัติที่ว่าเพราะคิดว่าเป็นสปายของแดริ่งดู แม้จะเจอกับสถานการ์ณที่คับขันอย่างนี้ ควิบเบิลก็แพ้นท์ก็อุตสาห์ไปคิดว่าเรนโบว์แดชจัดฉากเพื่อให้เขาเชื่อ แม้เเดชจะหนีคาบาเรลอนและเจออะไรอันตรายมากมาย แพ้นท์ก็ยังไม่หยุดเชื่อว่าแดชจัดฉาก จนแดริ่งดูได้เข้ามาช่วยเหลือทั้งสองเอาไว้ทำให้ควิบเบิลเชื่อได้สักทีว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงและนิยายแดริ่งดูก็คือเรื่องจริงเช่นกัน แดริ่งดูมาส่งทั้งสองกลับบ้านส่วนตัวเธอเองจะนำสมบัติอันนั้นไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ ระหว่างทางกลับบ้านเรนโบว์แดชก็ได้คืนดีกับควิบเบิลแพ้นท์และตกลงที่จะเป็นเพื่อนกันในที่สุด เอาล่ะผ่านอะไรที่ดูวุ่นวายมาแล้ว แดชก็อยากจะหาอะไรคลายเครียดบ้าง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะค้นพบวิธีในการสร้างความสนุกให้กับตัวเองได้แล้ว
มีอยู่วันหนึ่ง ไม่นานหลังจากการไปผจญภัยที่แสนวุ่นวาย เธอก็ใช้วิธีในการสร้างความสนุกให้กับตนเองในวันนี้ ซึ่งมีแค่เธอเท่านั้นที่สนุกเพราะว่ามันคือ การแกล้งคนอื่นแบบฮาร์ดคอร์ เธอแกล้งคนอื่นแรงมากๆจนเลยเถิดคำว่าแกล้งไปแล้ว ทั้งใส่อิฐในแซนด์วิช ย้ายเตียงที่มีโพนี่นอนอยู่มายังบ่อโคลน เปลี่ยนวิกคนอื่นเป็นสกังค์ เป็นต้น เธอใช้วิธีการแกล้งสารพัดวิธีกับชาวเมืองโพนี่วิลล์แทบจะทุกคน เธอรู้สึกสนุกสนานกับมันมากโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้อื่น เธอสนใจแค่ความสนุกในการสร้างความบันเทิงแก่ตัวเองมากกว่าความทุกข์ยากของผู้อื่น การกระทำที่แสนเลวทรามนี้ ไม่มีใครที่ไหนจะทนไหว ชาวเมืองโพนี่วิลล์ทั้งหมดต่างร่วมกันวางแผนแก้แค้นเรนโบว์แดช ให้เธอรู้สะบ้างว่าความรู้สึกของคนที่โดนแกล้งนั้นเป็นยังไง และแล้ววันแห่งการล้างแค้นก็มาถึง ชาวเมืองทุกคนปลอมตัวและแสดงเป็นซอมบี้ให้เรนโบว์แดชกลัวอย่างเรียบเนียน พวกเขาแสดงได้เนียนมากจนเหมือนหนังซอมบี้ล้างโลก เรนโบว์แดชที่คิดว่าชาวเมืองทั้งหมดกลายเป็นซอมบี้จริงๆ เธอก็ขอโทษและอ้อนวอนขอร้องกับสิ่งที่ได้ทำลงไป ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันไม่น่าทำอะไรเลวๆแบบนี้เลย ฉันนี่มันไร้ม้าสยธรรมจริงๆ จากนั้นเธอก็ร้องไห้ด้วยความอาลัยอาวรที่ต้องเห็นคนที่รัก(ปลอม)เป็นผีดิบไร้สมอง เธอตกอยู่ในความอาลัยอยากอยู่สักพักก่อนที่ชาวเมืองทั้งหมดจะมาเฉลยว่าพวกเขาแค่ปลอมเป็นซอมบี้เพื่อมาแกล้งเรนโบว์แดชเท่านั้นเอง พวกเราแค่อยากหาอะไรสนุกๆทำจึงคิดจะแกล้งเธอเพื่อจะได้หัวเราะกับความเดือดร้อนกับคนที่โดนแกล้งบ้างยังไงล่ะ ทีเธอยังรู้สึกสนุกกับการแกล้งคนอื่นเลยนะแดช แดชที่ได้ฟังคำพูดของชาวเมืองจึงสำนึกผิดขึ้นมาได้และเข้าใจว่าความรู้สึกของคนที่โดนแกล้งมันเป็นยังไง แม้ว่าการแกล้งจะสนุกแต่มีแค่คนแกล้งเท่านั้นที่สนุกแต่คนที่โดนนั้นปล่าวเลย มันทำให้พวกเขารู้สึกเเย่และเกลียดการอยู่ร่วมโลกไปเลย เธอสามารถสำนึกการกระทำอันแสนเลวทรามของเธอได้และขอโทษชาวเมืองยกใหญ่ แน่นอนสำหรับโพนี่ที่เคยช่วยโลกมาหลายครั้งแถมยังเป็นดาวเด่นของเมือง ชาวเมืองทุกคนให้อภัยเรนโบว์แดชและเตือนอีกว่าถ้าขืนยังทำแบบนี้อีก มีหวังอย่าได้อยู่ที่โพนี่วิลล์เลย จนในที่สุดเรนโบว์แดชก็สามารถลดนิสัยการขี้แกล้งของเธอได้สำเร็จจากบทเรียนราคาแพง เธอจะคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ให้แกล้งผู้อื่นแรงเกินไปจนทำให้เขาเดือดร้อน แค่หยอกนิดๆหน่อยๆก็พอ
ต่อมาก็มีงานกีฬาบัคบอลแห่งโพนี่วิลล์และแอปเปิลลูซซ่าที่ทั้งสองเมืองจะส่งคนมาแข่งกัน แน่นอนแดชชี่ก็เป็นโค้ชแต่ลูกทีมก็ต้องคัดเลือกเพื่อให้ได้ทีมคุณภาพ แล้วผลก็ก็ตกไปอยู่ของพิ้งค์กี้และฟลัทเทอร์ชาย เพราะว่าทั้งสองเล่นบัคบอลแบบชิลๆและผ่านได้ขณะที่คนอื่นแทบจะเล่นไม่เป็น แดชชี่ก็คงดีใจอยู่แล้วแหละที่เพื่อนเธอจะเป็นตัวแทนในการแข่งขัน ฉะนั้นเธอจึงซ้อมหนักให้เลย ซ้อมหนักยังกะต้องไปเกณฑ์ทหาร ผลก็รู้อยู่แล้วก็คือเพื่อนของเธอแทบจะไม่ไหวและหมดหวัง แต่แดชชี่นั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย จนมาถึงวันแข่ง ชาวเมืองก็ร้องเฮและส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาบัคบอลแห่งโพนี่วิลล์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยให้กับพิ้งค์กี้และฟลัทที่ ส่วนแดชก็มีความมั่นใจสูงมาก หลังจากรถไฟออกจากสถานี พวกเขาทั้งสองก็ต่างหลบหนีแดชเพราะไม่อยากไปแข่งเพราะถูกกดดันจากการซ้อมเลยกลัวแพ้ จนสุดท้ายแดชก็ยอมเปิดความในใจออกมา สาเหตุที่แดชต้องซ้อมหนักนั้นก็เนื่องมาจากบทเรียนเมื่อเอเควสเทรียเกมหลายปีที่แล้ว ที่เธอมัวแต่ซ้อมกับทีมวอนเดอร์โบลท์จนแทบไม่ได้ใส่ใจกับการซ้อมทีมของตัวเองเลย แต่อย่างน้อยตอนนั้นเธอสำนึกผิดได้และสามารถทำให้โพนี่วิลล์ได้ที่ไล่เลี่ยกับวอนเดอร์โบลท์ ตั้งแต่นั้นมาเธอจึงเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าให้ซ้อมให้ดีที่สุด และอย่าหมดความอดทน ดังนั้นเมื่อการแก้กีบมาอีกครั้ง เธอจึงซ้อมให้ดีที่สุดซ้อมแบบมีคุณภาพ คุณภาพแบบการเกณฑ์ทหาร เพราะคิดว่ามันน่าจะได้ผลเหมือนกัน แต่ผลก็เป็นแบบที่พิ้งค์กับฟลัทเป็นอยู่นี่แหละ เพื่อนของเธอก็ฟังขึ้นและเข้าใจ ส่วนเธอก็ขอโทษที่ซ้อมหนักเกินไป เมื่อรถไฟมาถึงยังสนามแข่ง ก็ยังมีเวลาอยู่ แดชเลยให้เพื่อนซ้อมตามวิธีของพวกเขาเลย อยู่แล้วครับมันก็ได้ผลพวกเขาเอนจอยกับการเล่นบัคบอลจนไม่มีความตึงเครียดและไม่กดดัน พอไม่มีความกดดันก็สามารถผ่านอะไรไปง่ายๆ ตอนนี้แดชชี่ก็ได้รับบทเรียนทั้งสองอย่างเลยคือ วิธีที่ใช้ได้กับคนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้กับคนนั้น และ อย่ากดดันจนเกินไปถ้าอยากชนะ ตอนจบทีมโพนี่วิลล์ก็ชนะไปเรียบร้อยด้วยวิธีnostress และพวกเขาก็ได้ถูกยกย่องจากชาวโพนี่วิลล์ อีกครั้งที่เรนโบว์แดชสามารถปรับความเข้าใจพัฒนาตนเองและได้รับชื่อเสียง
ต่อมาก็ได้รับมอบหมายให้ไปสอนกลุ่มเด็กใหม่วอนเดอร์โบลท์ให้ผ่านแบบทดสอบรอบเดี่ยว ขณะที่เธอกำลังจะไปพักร้อนพอดิบพอดี ทไวไลท์เลยขอตามไปด้วยเพราะจะได้ช่วยให้เสร็จไวๆ เมื่อไปถึง ทั้งคู่ก็ทักทายสปิทไฟร์กับเด็กใหม่จากนั้นก็ไปสอนในแบบของตัวเอง จนพวกเขาก็พบกับสองเด็กใหม่ที่ดูน่าคาดหวังมาก เพราะทั้งคู่เก่งเป็นบ้าเลย ผู้หญิงชื่อ Vapor Trail ผู้ชายชื่อ Sky Stinger พวกเขาเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็กและมีความฝันที่อยากจะเข้าวอนเดอร์โบลท์เหมือนกัน แต่พอสอนไปสอนมาก็ค้นพบว่าพวกเขาแต่ละคนต้องพึ่งพากันจึงจะเหินเก่งได้และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านคนเดียว จนสุดท้ายเรนโบว์แดชกับทไวไลท์ก็สามารถสอนและให้วิธีพวกเขาจนสามารถผ่านแบบทดสอบรอบเดี่ยวไปได้และกลายเป็นวอนเดอร์โบลท์ตามที่ฝัน เวเปอร์กับสติงเกอร์ต้องไม่ลืมบุญคุณอย่างแน่นอน
ต่อมาช่วงฤดูหนาวเธอก็ได้ถูกไหว้วานจากฝูงกระบือแห่งแอปเปิลลูสซ่าให้ไปตามหากาสีรุ้งในตำนานเพื่อพัดพาภัยหนาวที่โหมกระหน่ำพวกเขา การผจญภัยครั้งนี้มีลิตเติลสตรองเฮิร์ทจากซีซั่น1 เป็นผู้ร่วมเดินทางด้วย ส่วนสาเหตุที่เลือกแดชก็คือพวกกระบือรู้อยู่แล้วว่าเธอนั้นมีความว่องไวมาก การเดินทางอันยาวไกลก็ได้เริ่มต้นขึ้น แม้เส้นทางจะดูยากลำบากยังไงก็ตาม แต่พวกเขาก็มีความสามารถในการเผชิญอุปสรรคได้เป็นอย่างดี บวกกับที่สามารถเข้ากันได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะต่างฝ่ายนั้นชื่นชอบความท้าทายเหมือนกัน คงไม่แปลกที่คนชอบอะไรเหมือนกันจะสามารถเข้ากันได้ง่าย จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถนำกาสีรุ้งจากกาในตำนานมาให้แก่เผ่ากระบือได้ พวกกระบือก็นำไปทำพิธีกรรมและเสกคาถาอาคม สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือภัยหนาวที่รุนแรงนั้นหายไปอย่างรวดเร็วแทนที่ด้วยซะวันนาแบบดังเดิม เผ่ากระบือขอบคุณในความช่วยเหลือที่เต็มใจของแดชชี่กับสตรองเฮิร์ท ถ้าไม่มีแดชมาช่วยป่านนี้พวกเราคงแข็งตายไปแล้ว เธอยินดีกับคำชมและขอบใจสตรองเฮิร์ทที่เป็นผู้ร่วมเดินทางที่ดี ก่อนเธอจะจากไปพร้อมกับวีรกรรมที่ชาวกระบือต้องจดบันทึกไว้และก็ได้เป็นเพื่อนกับลิทเติลสตรองเฮิร์ทด้วย.....
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวสุดท้ายของซีซั่น 6 ที่คริสซาลิสกลับมาครองโลก ลักพาตัวตัวละครหลัก ยกเว้นสตาไลท์ ทริกซี่ ดิสคอร์ด แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับตัวที่ได้กล่าวมาเมื่อกี๊ไป
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 6--- ฉลองงานพิธีคริสตัลพร้อมช่วยโลกจากหัวใจคริสตัลที่เผลอแตก(13) โดนขโมยปีกจากตัวที่ร้ายที่หมั่นไส้ ในที่สุดก็ได้เป็นวอนเดอร์โบลท์ตัวเต็มสักที ช่วยซอรินทำภารกิจและปรับความสัมพันธ์ ผจญภัยกับแดริ่งดูและได้เพื่อนใหม่ แกล้งคนอื่นแต่ดันโดนแกล้งเอง เลือกตั้งนายกโพนี่วิลล์เธอเลือกฟลิทธี่ริชเพื่อที่จะให้เขาสร้างสเตเดียมจามนโยบาย"ผมรวยจนที่จะสร้างได้ทุกอย่าง" ชนะบัคบอลระดับเมืองกับเพื่อนและรู้บทเรียนอันมีค่า รีแลกซ์กับสตาไลท์ เจอดิสคอร์ดร่างตรงข้ามและสตาไลท์ก็ชนะส่วนเธอโดนเล่นงาน ไปงานคืนสู่เยาว์กับฟลัทเทอร์ชายที่โรงเรียนของเธอตอนเด็กจัด ช่วยกระบือกำจัดหน้าหนาวและเป็นเพื่อนกับลิตเติลสตรองเฮิร์ท ช่วย Vapor Trail และ SkyStinger กับทไวไลท์จสอบวอนนเดอร์โบลท์รอบเดี่ยวได้ โดนคริสซาลิสลักพาตัวแต่มันก็ได้แพ้ไป
ซีซั่น 7[]
หลังจากที่สตาไลท์และคนอื่นๆสามารถช่วยเธอและตัวละครหลักจากคริสซาลิสได้ ก็มีการจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น แต่เรนโบว์แดชไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรมากกับเหตุการ์ณช่วงนี้ จะมีแค่ทไว สตา และเทีย ส่วนเธอและคนอื่นๆก็สนุกกับงานเลี้ยงและร่วมกันยินดีกับสตาไลท์ หลังจากเหตุการ์ณนี้ ก็เป็นเรื่องราวการไปเล่น escape room กับเพื่อนๆ เผชิญกับโหลนของสติเจียนที่ใช้เวทย์ลบหนังสือและความทรงจำเกี่ยวกับบรรพบรุษที่ชั่วร้ายหรือโพนี่แห่งความมืด สุดท้ายสามารถทำให้เขาเป็นคนดีได้
ต่อมาหลังจากนั้น ในวันธรรมดาที่เธอกำลังทำงานในวอนเดอร์โบลท์ตามปกติ แต่ว่า...มันเริ่มไม่ใช่วันธรรมดาแล้ว! เพราะว่า...วันนี้พ่อแม่ที่ไม่ได้เจอกันนาน มาหายังที่ทำงานพร้อมกับทำตัวตะโกนเสียงดังให้กับลูก พระเจ้า พวกเขามาได้ยังไงกันนี่แดชจึงต้องเลิกซ้อมกับคนอื่นกลางทันพร้อมมีเสียงหัวเราะของเพื่อน เพื่อไปคุยกับพ่อแม่ที่ไม่ได้เจอมาเป็นชาติและก็ได้รู้ว่า เป็นฝีกีบของสกูตาลูเองที่พาพวกเขามา เธออธิบายว่า พี่ไม่เคยมาหาพวกเขาเลย พ่อแม่ของพี่ก็ยังไม่รู้ด้วย ว่าพี่เป็นถึงวอนเดอร์โบลท์ ทีมกีฑาระดับชาติ ดังนั้นหนูที่เผลอพุ่งชนไปยังบ้านของพ่อแม่พี่ จึงนำข่าวมาบอกและพบว่าพวกเขาน่ะ ดีใจเป็นบ้าเลยเมื่อรู้เข้า ความทรงจำในวัยเด็กเข้ามาในหัวของแดชทันที เธอจำได้ไม่ลืมเลย ว่าพ่อแม่นั้นน่ารำคาญและครินจ์มากขนาดไหน อีกทั้งยังทำเธอขายหน้าและดูอีโกมานับไม่ถ้วนแล้วและมีหลายอย่างอีกที่น่าจะนึกไม่หมด
หลังจากที่ย้อนความทรงจำแล้ว แดชรีบควบคุมสติและบอกกับสกูตเลย ว่าสาเหตุที่สำคัญที่เธอไม่อยากกลับไปหาเลย ก็คือถ้าไปบอกข่าวนี้ เธอก็ต้องทนกับความครินจ์และน่ารำคาญของบิดามารดาที่เป็นเหมือนเดิมตั้งแต่เด็ก ดูน่าขายหน้าด้วย คนอื่นเขาก็คงไม่อยากมาคบกับพี่อีก เพราะก็ต้องมาทนกับความครินจ์ของครอบครัว แม้ว่าเธออธิบายยังไง ดูเหมือนสกูตก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีและก็ให้แดชดีใจด้วยที่คนรักที่ไม่ได้เห็นหน้ากันนานมาหา จะให้ดีใจได้ยังไง แค่ไปคุยคำแรกพวกเขาทำยังกะคนรักที่ตายไปกลับมามีชีวิต (โอโหดีใจมากเลยนะ แดชประชดในใจ) ยังไงซะเธอก็ต้องไปทำงานต่อเพราะมันไม่ใช่วันหยุด เธอจึงให้พวกเขากลับไปก่อน แต่ไม่...ใช่..ไม่กลับ พวกเขาทำตัวครินจ์และน่ารำคาญเหมือนตอนเด็กเล้ย เหมือนกันเป๊ะ หนักกว่าด้วย เช่นดีใจยินดีฉลองนู่นนี่นั่นกับเรื่องที่ไร้สาระมาก แค่เปลี่ยนชุดก็มาเชียร์ ซ้อมอยู่ก็มาอีก ไปแสดงงานก็ยิงพลุยินดีสร้างความปั่นป่วนให้คนอื่นอีก แจกลายเซ็นก็มาป่วนอีกจนแฟนๆเปลี่ยนไปขอคนอื่น สร้างความน่าอับอายให้กับแดชมากๆ พอมาถึงตอนที่เธอกำลังเก็บของพวกเขาก็มาอีกแล้ว การเชียร์สุดน่ารำคาญ แต่คราวนี้เรนโบว์แดชแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เธอเก็บความอดทนไม่อยู่ เธอระเบิดความโทสะและความอัดอั้นตันใจของเธอมาทั้งหมด ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงตอนนี้ พ่อแม่ทำตัวยังกะหนูเป็นเด็กอนุบาลไปได้ ดูสิ หนูโตเเล้ว หนูทำได้ทุกอย่าง และพ่อแม่ไม่ต้องมาเชียร์อะไรไร้สาระบ้าบอนั่นอีกต่อไปแล้ว น่ารำคาญมาก ขายขี้หน้าเขาด้วย แล้วทีนี้คนอื่นจะมาคบกับหนูมั้ยเนี่ยฮะ! ที่มีพ่อแม่แสนอีโกตามมาและทำตัวน่ารำคาญ หนูเบื่อพ่อแม่เต็มทีแล้ว ตั้งแต่เด็กเลยไม่เคยเปลี่ยน หนูเกลียดพ่อกับแม่ที่สุด!!! ความโทสะที่มีมาตั้งเด็กถูกปลดปล่อยออกมาต่อหน้าพ่อกับแม่ แต่แทนที่พวกเขาจะรู้ตัว ปล่าว พวกเขาดันดราม่าใส่ ฮือๆพ่อกับแม่แค่อยากให้กำลังใจลูกเท่านั้นเอง ทำไมต้องมาด่าด้วย พวกเราแค่อยากให้ลูกมีกำลังใจและความกล้าหาญไง ก่อนที่จะร้องไห้โฮจากไป แดชก็....อึ้งเล็กน้อยกับประโยคที่เปล่งออกมาจากพ่อแม่ที่เหมือนถูกเธอทรยศ หลังจากนั้นเธอจึงไปคุยกับสกูตตาลูที่ไม่ได้หนีไปไหนว่าทำไมเธอถึงเกลียดพ่อแม่มากนัก เหตุผลก็รู้อยู่แล้วว่า พวกเขาชอบให้กำลังใจเกินเหตุและน่ารำคาญ พร้อมกับเปิดอัลบัมในวัยเด็กของเธอที่สกูตตาลูทำ เธอมองแทบทุกภาพและจินตนาการถึงวัยเด็กตอนที่อยู่กับพ่อแม่ พร้อมกับคำพูดของสกูตประมาณว่า พ่อกับแม่นั้นช่างสุดยอดไปเลยนะ พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เราเป็นเราที่ดีกว่า เหมือนพี่ไงล่ะดูสิพวกเขาแทบจะเศร้าเลยเมื่อรู้ว่าพี่ไม่ชอบการทุ่มเทที่อุตส่าห์หามา แดชนึกย้อนไปตอนที่เธอแทบจะไม่มีความกล้าเลย มีแต่ความกลัว....จู่ๆก็นึกออกว่าสาเหตุที่เธอมีความกล้าและเป็นแบบนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อแม่ด้วย แม้จะทำต้องๆไปหน่อย "เออจริงด้วย ถ้าฉันไม่มีพ่อแม่ที่ทุ่มเทกับฉันเลย ฉันคงไม่มีวันได้เป็นวอนเดอร์โบลท์หรอก" เมื่อเธอนึกได้ เธอจึงวางแผนกับสกูตตี้ในการขอโทษพ่อแม่และจัดการแสดงเพื่อเป็นการตอบแทนสิ่งที่ท่านสร้างมา จนสุดท้ายเรนโบว์แดชก็แสดงโชว์เหินเวหาวอนเดอร์โบลท์กับเพื่อนร่วมงานที่อุตส่าห์มาด้วย โชว์ดูมหากาฬมากๆ พ่อแม่ของเธอที่เห็นก็ภูมิใจที่ลูกสำนึกตนได้ หลังจากแสดงจบ เธอจึงไปขอโทษพ่อแม่พร้อมกับขอบคุณที่พวกท่านสามารถสร้างเธอให้เป็นแบบนี้ได้ ความกตัญญูของลูกสามารถลบล้างความทุกข์ของบิดามารดาได้ เช่นเดียวกันกับพ่อแม่แดช พวกเขาก็สามารถเข้าใจลูกได้เช่นกันและขอโทษที่ไปทำตัวติงต๊องต่อหน้าคนอื่น แดชและพ่อแม่ก็สามารถกลับมายิ้มด้วยกันได้อีกครั้ง และตอนนี้ครอบครัวแดชก็มีความสุขและมีความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ในที่สุด แดชได้เรียนรู้ถึงพลังของครอบครัวแล้วว่ามันวิเศษขนาดไหนและเธอก็จะไม่ลืมมันอีกเลย ก่อนจะกลับ เธอขอบใจสกูตด้วยที่พาพ่อแม่มา ตอนนี้เธอไม่เกลียดพ่อแม่แล้ว!!
เหตุการ์ณที่ซึ้งและน่าภูมิใจก็ได้ผ่านพ้นไป ตามมาด้วยเรื่องป่วงๆต่อมา
วันนี้เธอกับพิ้งค์กี้ ได้อ่านข่าวนสพ.ที่น่าเศร้าเพราะเอเคเยียร์ลิ่งหรือแดริ่งดูจะประกาศยกเลิกขายหนังสือเนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว แดชหรือเพื่อนคนเขียนหรือแฟนคลับก็แล้วแต่จะตั้งฉายาจึงคิดที่จะชวนพิ้งค์กี้ไปคุยกับแดริ่งดูถึงสาเหตุที่กำลังจะยกเลิก เมื่อมาถึงแดริ่งเองเหมือนกำลังรู้สึกเครียดๆยังไงยังงั้นแดชจึงทักทายและพูดคุย ทำให้รู้ว่าสาเหตุที่จะยกเลิกนั่นก็เพราะตอนนี้เธอโดนความเกลียดชังจากชาวเมืองซอมนัมบูล่าทุกหนทุกแห่ง ด้วยที่เธอไปทำลายอนุสาวรีย์ซอมนัมบูล่าวีรสตรีโบราณนับพันปีของเมือง และยังขโมยโบราณวัตถุหลายอย่างไปอีก แต่ที่กล่าวมาเธอบอกว่ามันคือการถูกใส่ร้ายทั้งสิ้น ชาวเมืองแค่ถูกกรอกหูจากคาบาเรลอน วายร้ายเจ้าเก่าที่ทำเรื่องแบบนั้นต่างหาก แดชกับพิ้งค์กี้จึงรวมกันอาสาที่จะประกาศและบอกความจริงด้วยว่าแดริ่งดูไม่ใช่คนทำ และแล้วการผจญภัยของแดชกับแดริ่งดูก็มาอีกครั้ง นับพิ้งค์กี้ด้วย ในเหตุการ์ณนี้แดชจะได้รู้เรื่องราวของตำนานวีรสตรีพันปีซอมนัมบูลา เที่ยวเมืองซอมนัมบูลาเมืองกึ่งอียิปต์กึ่งอาหรับทันสมัย พร้อมกับช่วยสืบหาความจริงด้วย นับเป็นการผจญภัยของแดชที่เปิดโลกใหม่จริงๆ รวมพิ้งค์กี้ด้วย ส่วนแดริ่งน่าจะรู้อยู่แล้วแหละ สืบไปหนึ่งวัน แดชเผลอถูกพวกของคาบาเรลอน ลักพาตัวและนำมาขังยังกับดักเมือกเขียวที่มันจะค่อยๆท่วมขึ้นมา แน่นอนแดริ่งกับพิ้งค์กี้รู้เข้า รีบวิ่งมาช่วยเธออย่างรวดเร็ว แต่การที่จะช่วยได้นั้นมันช่างยากลำบากมากๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถช่วยแดชได้ทันเวลา และเปิดโปงความจริงให้ชาวเมืองรู้ คาบาเรลอนก็ดันอยู่ตรงนั้นพอดี เลยต้องหนีฝูงกีบของชาวเมือง กลายเป็นว่าแดริ่งดูไม่ต้องโดนด่าอีกต่อไปแล้ว ต้องขอบคุณแดชโดยเฉพาะที่อุตสาห์เสี่ยงชีวิตมาเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้ ส่วนพิ้งค์กี้ก็ยังให้เครดิตอยู่ ไม่ต้องห่วง แดริ่งดูขอบคุณทุกคนที่มาช่วยเธอ ในที่สุดแดชก็ยังได้อ่านหนังสือแดริ่งดูต่อ ส่วนคนเขียนเองก็ไม่ต้องยกเลิกแล้ว แดชช่วยบุคคลที่มีชื่อเสียงไว้ได้อีกครั้ง พิ้งค์กี้ก็ด้วย
หลังจากที่แดชกับพิ้งค์ร่วมกันช่วยนักเขียน โดยพลังแห่งความมิตรภาพ ก็พักผ่อนและดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ก็มีเรื่องอีกครั้งเมื่อพิ้งค์กี้ได้ทำพายที่ใหญ่และอร่อยที่สุดที่เธอเคยทำให้แดช เธอให้พายกับแดชประจำหลากรสหลากขนาดหลายรอบแล้ว ซึ่งแดชก็รับเอาแทบทุกครั้งแต่ลับหลังเธอกลับไม่กินและโยนทิ้งไปแม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม ที่ทิ้งก็คือไม่ชอบกินพาย โดยทุกๆครั้งพิ้งค์กี้ก็จับไม่ได้ว่าเธอทิ้งไปและยังซึ้งในความยินดีของเพื่อนที่รับของขวัญแทบทุกครั้ง เรื่องของเรื่องก็คือรอบนี้กลับต่างไปเพราะเธอไปเห็นเศษพายที่เพิ่งให้แดชอยู่ในถุงม้าเก็บขยะ หรือจับได้นั่นเอง แต่เธอกลับคิดว่าแดชไม่ชอบรสนี้ ฉะนั้นเธอจึงไปทำรสใหม่และให้แดชในวันถัดมา ซึ่งก็เป็นเหมือนเดิม แดชรับพาย แต่มันจะไม่เหมือนเดิม เพราะพิ้งค์กี้เฝ้าดูอยู่ และก็ได้รู้ความจริงที่แสนทรยศว่าจริงๆแล้วแดชไม่ได้กินพายเลยแม้แต่นิด กลับโยนทิ้งสิ่งที่เพื่อนเสียเวลานั่งทำมาเกือบทั้งวี่วันทั้งวัน ให้คนอื่นบ้าง ลงถังขยะบ้าง ต่างๆนาๆ เธอรับไม่ได้กับมิตรภาพจอมปลอมที่เธอได้จากแดช เธอเลยพยายามง้อแดชให้กินพาย แต่ง้อแบบน่ารำคาญแทบทั้งวัน แดชที่ขี้อารมณ์อยู่แล้วจึงเผลอตวาดเพื่อนไปว่าน่ารำคาญ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ทำไมต้องมาซ้อซี้ยัดเยียดให้กินพายอยู่ล่ะ น่ารำคาญ จนพิ้งค์กี้ตกอยู่ในอารมณ์โรคจิต....อีกครั้ง แต่สุดท้ายเพื่อนก็คือเพื่อนย่อมให้อภัยได้เสมอ แดชยอมขอโทษที่เผลอตวาดใส่พิ้งค์กี้และเรื่องที่ทิ้งพายไป เพราะเธอไม่ชอบมันจริงๆแต่เธอก็เข้าใจอยู่ว่ามันเสียดายมากที่จะต้องทิ้งของขวัญที่เพื่อนอุตส่าห์ทำให้และมอบมิตรภาพจอมปลอม แต่ต่อไปก็อย่าทำพายให้แล้วกันไม่ชอบ พิ้งค์กี้ก็ยอมเข้าใจและขอโทษแดชเช่นกันที่ทำของไม่ชอบกับทำตัวน่ารำคาญ แดชได้รับบทเรียนพร้อมๆกับพิ้งค์กี้สิ่งที่ได้ก็คือเธอไม่ควรมอบมิตรภาพจอมปลอมให้กับเพื่อน ถ้าเธอไม่ชอบสิ่งที่เพื่อนมอบให้ประจำก็ควรบอกกันบ้างว่าไม่ชอบ ไม่ใช่การโยนทิ้งแบบนั้นเขาเรียกว่า ลิงหลอกเจ้า หลอกว่าอยากได้แต่จริงๆแล้วเกลียด แต่ๆๆ...ยังไม่จบ พิ้งค์กี้ดันไม่เลิก เธอยังคิดว่าแดชอาจชอบพายรสอื่นก็ได้ถ้าไม่ใช่พายที่เคยทำมา เธอก็เลยทำพายรสนู่นรสนี่ จากทุกสูตรทั่วสารทิศ แดชก็ต้องมาลำบากกับการต้องโดนบังคับกิน ก็ของที่ไม่ชอบยังขยั้นให้กินอยู่ได้ กินจนจุกยังไม่มีความชอบเพิ่มมาแม้แต่นิด ดังนั้นเรนโบว์แดชจึงทำการสั่งสอนพิ้งค์กี้โดยการให้ลองมาทำในสิ่งที่แดชชอบ และบังคับให้ทำ พิ้งค์กี้ก็....ใช่ไม่ชอบเลย กับการต้องมาดูกีฬา ตากแดด ฟิตหุ่น บลาๆ พิ้งค์กี้เพื่อนรักจึงเริ่มเข้าใจสิ่งที่แดชจะสื่อและก็ได้ไปขอโทษแดชที่เผลอใช้ความคิดของตัวเองเป็นศุนย์กลางมากเกินไปจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เรนโบว์แดชก็ให้อภัยเช่นกัน คราวก่อนเธอทำผิดก็ให้อภัย คราวนี้เพื่อนทำผิด ก็ต้องให้อภัยด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็มีความเข้าใจกันมากขึ้นพร้อมกับบทเรียนที่ได้มา สรุปคือเหตุการ์ณนี้ผิดทั้งคู่ แต่ต่างคนก็ยอมรับและให้อภัยกันแล้ว
หลังจากเรื่องราวสุดติงต๊องของเพื่อน ก็ถึงเวลาช่วยโลกอีกครั้ง ก็เพราะคราวนี้ เรนโบว์แดช กับ เพื่อนๆ ได้ไปศึกษาและคืนชีพเสาหลักแห่งเอเควสเทรีย (Pillar of the equestria) แต่ก็ยังพาความซวยมาหาอีกแล้วเมื่อโพนี่แห่งความมืดก็ถูกคืนชีพมาด้วย จนได้มีการต่อสู้กันและสุดท้ายแน่นอนธรรมมะย่อมชนะอธรรม โพนี่แห่งความมืดคืนร่างเป็นสติเจียนบรรพบุรุษของอดีตโพนี่วายร้ายที่ต้องการกำจัดความทรงจำ กลับตัวหรอ?แน่นอน ส่วนพวกเสาหลักก็ออกไปใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่ แดชและเพื่อน?พบกับตำนานเสาหลักตัวจริงที่เหมือนเป็นไอดอลของพวกเขาพร้อมเป็นเพื่อนกับประสบการ์ณการช่วยโลกด้วยกันครั้งที่ 14
ต่อมาประมาณหลายสัปดาห์ก็กลับมาช่วยโลกอีกแล้ว เพราะมีเทมเปสท์ สตอร์มคิงพร้อมกับลูกสมุนนับร้อยบุกเอเควสเทรีย แช่แข็งโพนี่ราชวงศ์ ทำลายบ้านเมือง ขังประชาชนที่ก็กำลังสนุกกับงาน และก็ยังขังเซเลปอีก ทีแรกเหมือนจะไม่มีทางสู้แต่ด้วยมิตรภาพ ความสามัคคีและความปรองดองของแดชกับเพื่อนทำให้พวกเขาสามารถกำจัดและปลิดชีพสตอร์มคิงได้ ลูกสมุนหนีไป ส่วนเทมเปสท์ ก็กลับตัวกลับใจเพราะนางเล่าเรื่องราวในวัยเด็กที่เจ็บปวดจนพวกเขาเห็นใจ ก่อนจะถึงเหตุการ์ณนี้พวกเขาได้ผจญโลกเอเควสเทรียทางใต้ด้วย ทำให้ได้พบกับแคปเปอร์แมวใจดีจากเมืองสลัมคลูดจ์ทาวน์ ช่วยเหล่าฮิปโปกริฟเป็นอิสระจากสตอร์มคิงและค้นพบอาณาจักรใต้น้ำซีเควสเทรีย สุดท้ายก็ช่วยโจรสลัดนกแก้วให้รอดพ้นจากการเป็นทาสสตอร์มคิง คราวนี้เป็นการช่วยโลกอย่างมหากาฬสุดๆ จนได้ถูกเทิดทูนจากโพนี่ทุกตัวและอาณาจักรที่ได้ไปช่วย แต่สังเกตมั้ยเทิดทูนกี่ครั้งพอกลับมาตอนปกติ โพนี่สามัญชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการ์ณก็ทำเป็นไม่รู้จักซะอีก เฮ้ย นี่แก๊งค์วีรสตรีป้องโลกนะ อย่าดูถูกสิ โอเคกลับเข้าเรื่อง คราวนี้แดชกับเพื่อนช่วยโลกครั้งที่ 15 และเป็นการช่วยครั้งที่แทบยิ่งใหญ่
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 7 --- ร่วมยินดีการช่วยโลกของสตาไลท์ เล่น escape room กับเพื่อน ร่วมกันทำให้ชาโดว์ล็อคเหลนโลหนสติเจียนเป็นคนดี ช่วยสร้างสวนอนุรักษ์สัตว์ของฟลัทเทอร์ชาย คืนดีกับพ่อแม่ที่ไม่ได้เจอมาเป็นชาติ ร่วมกันช่วยพิ้งค์กี้พายที่ติดอยู่ในโลกดิสคอร์ด ร่วมกันตีพิมพ์บันทึกมิตรภาพแต่กลับโดนสังคมที่โง่เง่ารุมด่า ช่วยแดริ่งดู(ไอดอล/เซเลป/เพื่อน??)รอดพ้นการถูกใส่ร้ายและปรับปรุงเมืองซอมนัมบูลากับพิ้งค์กี้พาย ขอโทษพิ้งค์กี้พายที่ให้มิตรภาพจอมปลอมพร้อมกับสั่งสอนพิ้งค์กี้ว่าคนเราไม่ได้ชอบอะไรหมือนกันไปซะทุกอย่าง คืนชีพเสาหลักและช่วยโลกพร้อมทำให้สติเจียนเป็นคนดี(14) เจอกับkarenหรือboomer?ประท้วงความเลวของน้ำตาล เธออยู่ฝั่งไม่เห็นด้วยและกลายเป็นบ้า ช่วยโลกครั้งยิ่งใหญ่กับเพื่อนจากสตอร์มคิงและทำให้เทมเปสท์เป็นคนดี(15)
ซีซั่น 8[]
หลังจากการช่วยโลกได้ไม่นาน ทไวไลท์หรือเพื่อนของเธอมีแผนที่จะก่อตั้งโรงเรียนสอนมิตรภาพ สอนมิตรภาพต่างๆนาๆให้เหล่าสรรพสิ่งจากทั่วสารทิศ ทุกคนที่เป็นเพื่อนของเธอมีส่วนร่วมกับโรงเรียนหมด รวมถึงเรนโบว์แดชด้วยที่ได้เป็นอาจารย์ของโรงเรียน ในช่วงนี้ก็ได้เจอกับวายร้ายที่เป็นตัวแทนของระบบการศึกษาที่ล้าหลัง มันกับองค์กรสั่งให้โรงเรียนผ่านหลักเกณฑ์ แล้วหลักเกณฑ์ที่ว่าคือสอนแบบหนักๆและวิชาไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังเหยียดสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่โพนี่อีก แต่สุดท้ายมันก็ได้พ่ายแพ้ไป เนื่องจากมันเป็นคำสั่งของเซเลสเทียที่อนุญาตให้เปิดโรงเรียนทไวไลท์ มันก็อ้างอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นคำสั่งจากรัฐบาลโดยตรง ทำให้ทไวไลท์เผยแพร่ศาสนามิตรภาพให้ทั่วอาณาจักรได้ แดชก็ได้ประสบการ์ณการเป็นอาจารย์กับเพื่อนบ้าง สอนนักเรียนที่ไม่ได้มีแค่โพนี่ กับเรื่องมิตรภาพที่สามารถนำเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่ใช่วิชาอะไรไร้สาระ
และแล้วเวลาก็ได้ผ่านพ้นไป จนวันนึงเรนโบว์แดชได้ข่าวจากเพื่อนวอนเดอร์โบลท์ว่าให้ลองไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกานามว่า wild blue yonder ที่ลาสเปกาซัส ว่าด้วยเครื่องเล่นที่อึ้ง ทึ่ง เสียวที่สุดของอาณาจักร วอนเดอร์โบลท์คนไหนไม่เล่นคือพลาดเลย ฟังแล้วด้วยนิสัยของเธอทำให้อยากที่จะไปให้ได้ เพื่อที่จะได้มาคุยโวโอ้อวดว่าเป็นวอนเดอร์โบลท์ตัวจริง แต่ปัญหาก็คือมันจะปิดอีกสองวันด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าไปไม่ทันคือเสียโอกาสเลย ดังนั้น เธอวางแผนที่จะไปพรุ่งนี้แต่ติดที่ว่า....เธอต้องไปสอนในโรงเรียนมิตรภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากเพื่อนเมื่อหลายวันก่อน เธอเลยฝากภาระการสอนนี้ให้กับแอปเปิลแจคเพื่อนสนิท แต่แจคมีข้อแม้คือต้องฝากพาแก็งค์ยายๆของเธอไปด้วย(Smith,Applesauce,Apple rose,Goldiericious) เพราะพวกเขาก็อยากจะไปที่นั่นเหมือนกัน อีกทั้งยังกำชับคำสั่งนู่นนี่นั่นบลาๆของแก็งค์ยายให้แดชดูแล แรกๆแดชก็หงุดหงิดเล็กน้อย เพราะพวกยายนั้นเชื่องช้ามากๆ จึงกลัวว่าจะไปไม่ทัน แต่เมื่อมาถึงก็ต้องทำตามคำสั่งที่แจคให้มาในการดูแลยายๆก่อน แต่ว่า แต่ละกฏนี่มันกีดอิสระภาพของยายๆทั้งนั้นเลย กีดกันจนเกินคำว่ากฏอีก สุดท้ายเธอก็ทำให้ยายๆหมดสนุกเนื่องจากไปทำลายการแสดงมายากลที่ตัวนักมายากลชวนยายๆมาแสดงด้วย เธอทำทั้งยายทั้งนักมายากลขายหน้าไปหมด จึงถูกต่อว่าจากยาย ยายแกบอกว่ากว่าที่พวกเขาจะได้มาแสดงกับนักมายากลในดวงใจ รอเวลามาชั่วอายุถึงจะได้เสียที แต่เธอกลับมาทำลายโอกาสที่แทบเป็นไปไม่ได้ของพวกเรา แดชรู้สึกผิดและเศร้า ก่อนที่จะกล่าวว่ามันเป็นกฏของยายที่แอปเปิลแจคสั่งมา เพื่อเป็นข้อแม้ในการไปขึ้นเครื่อง wild blue yonder ที่ใกล้จะปิด ในวันที่เธอต้องทำงาน เธอรู้สึกเศร้ามากๆเพราะว่านี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะได้ไปเล่นรถไฟเหาะที่วอนเดอร์โบลท์ห้ามพลาดเด็ดขาดเลย แต่ดันกลับต้องมาล่มเนื่องจากกฏบ้าบอของเพื่อน เธอจมอยู่กับความสิ้นหวังไม่รู้ว่ากลับไปวอนเดอร์โบลท์จะถูกล้อมั้ยที่อุตส่าห์ไปถึงที่แล้วแต่ไม่ได้เล่น เพราะต้องมาดูแลยายๆ ขณะมโนอยู่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของยายๆที่บอกว่าพวกแกก็มาที่นี่เพื่อจะมาเล่นเครื่องนี้เหมือนกัน เคยมาตั้งแต่สมัยยังสาวๆ ส่วนการมาลาสเปกาซัสครั้งนี้ส่วนนึงก็มาจากเป็นการอำลาเครื่องเล่น Wild Blue Yonder ก่อนที่มันจะปิด แดชตกใจสักพัก เพราะเพิ่งรู้ว่ายายพวกนี้ไม่ธรรมดา และตอบรับการไปเล่น WBY ด้วยกัน สุดท้ายเรนโบว์แดชก็ได้เล่นสมใจอยาก ได้มีเรื่องราวคุยโม้โอ้อวด ไปอ้างกับเพื่อนร่วมงานได้ว่าเธอคือ wonderbolt ตัวจริง ไปเล่นมาแล้วดูสิมีรูปถ่ายเหมือนกันด้วย อีกทั้งขณะกลับก็ได้ตอบรับคำเชิญชวนของแก็งค์ยายให้เข้าแก็งค์พวกแกนามว่า The Horseshoe Gals นอกจากจะมีเรื่องไปอวดแล้ว ยังได้ไปตีสนิทกับยายด้วย ส่วนชะตากรรมเพื่อนสีส้มของเธอยายๆจะไปจัดการเอง แดชคงสะใจแน่นอน
ในวันการแสดงการเบิกตะวันครั้งแรกขององค์หญิงเซเลสเทีย เธอก็ดันไปกระจายข่าวว่าตัวองค์หญิงจะมาแสดงก่อน ทั้งๆที่ทไวไลท์ยังไม่ได้สั่งด้วยซ้ำ ส่งผลให้งานเกือบล่าช้าและมีดราม่าระหว่างองค์หญิงกับเพื่อนเธอ
ต่อมาก็ยังได้มีโอกาสไปช่วยทำหนัง Powwerpoint กับเพื่อนที่แอปเปิลวูด แต่ทะเลาะกันเองจนสุดท้ายก็แยกกันทำและจบด้วยการให้อภัยแก่กันและกัน
ในวันประกาศผลอาจารย์ดีเด่นของโรงเรียนที่ทไวไลท์สร้างมา ฟลัทเทอร์ชายก็ชนะไป แต่มันเป็นการสร้างความอิจฉาให้กับเรนโบว์แดชมากๆ เธออยากให้นักเรียนมีความศรัทธาในตัวเธอ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ได้มันมาทั้งๆที่ก็ทำตัวซะเท่ขนาดนี้ อยากเป็นนัมเบอร์วัน แต่เพื่อนสีส้มของเธอหรือแอปเปิลแจคก็มีอารมณ์แบบเดียวกันด้วย เมื่อรู้ว่าต่างคนก็อยากได้ที่หนึ่งก็ชิ่งแนะนำวิธีการสานสัมพันธ์มิตรภาพขณะที่ผอ.ทไวไลท์กำลังพูดถึงการแนะแนววิธีการสานมิตรภาพ หัวข้อที่ผอ.เห็นด้วยที่สุดคือ การทัศนศึกษา มันจะได้ช่วยสร้างความสามัคคีให้แก่กัน ดังนั้นในเมื่อแจคกับแดชมีความคิดแบบเดียวกัน ผอ.ทไวไลท์ จึงยกหน้าที่การจัดทัศนศึกษาให้พวกเขาไป ตกลงสถานที่และเวลาอะไรกันแล้วก็จัดได้เลย
การทัศนศึกษามีนักเรียน 6 ตัวคือ Young 6 มีอาจารย์แอปเปิลแจคและเรนโบว์แดชเป็นผู้จัดการ แต่แทนที่จะจัดกันดีๆ สร้างความสามัคคีให้ดู กลับดันทะเลาะและแข่งกันเองซะงั้น ทั้งสองคิดว่าการที่ใครคนนึงที่ทำตัวได้เจ๋งและดีกว่าจะได้ถูกนักเรียนโหวตให้เป็นอาจารย์ดีเด่น แต่ดันถูกนักเรียนต่อว่าซะเอง จนโดนทไวไลท์ที่แอบดูอยู่ติเข้า ทั้งสองจึงต้องเลิกเถียงกันเองและหันมาแสดงความสามัคคีให้เด็กๆดู แต่ก็อดเถียงกันไม่ได้จนทำให้สะพานที่ทั้งสองกำลังต่ออยู่พังและทำให้ตกลงไปในลำธารที่มีปลาปิรันยารองับพวกเขา แดชและแจคก็ยังเถียงกันอีกว่าใครเป็นคนทำสะพานพังและสารพัดที่จะว่าได้ ก่อนที่จะคิดได้และกรีดร้องขอความช่วยเหลือ โชคดีที่ young 6 สามัคคีช่วยพวกเขาไว้ได้ทันและพามาพักรักษา พวกเขาชื่นชอบการได้ฝึกสามัคคีช่วยอาจารย์และทำสิ่งที่น่าทึ่งทั้งหลาย และเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทะเลาะและตกสะพานเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง และหลังจากนี้ไปพวกเขาจะนำประสบการ์ณที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับการขอบคุณอาจารย์ แดชและแจคสับสนไปพักใหญ่ก่อนที่จะสำนึกได้จากคำพูดของนักเรียนของตัวเอง พวกเขาไม่น่ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องโง่ๆพวกนี้เลย มันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ไม่สำคัญว่าใครจะได้ที่หนึ่ง แต่มันสำคัญที่ว่าพวกเขาจะมีความสามัคคีกันได้หรือไม่ พวกเขาก็ขอโทษกันและกันและพาทุกคนกลับโรงเรียน เหล่านักเรียนแจ้งทไวไลท์ที่กลับโรงเรียนก่อนหน้าว่าถ้ามีการโหวตครั้งต่อไป เขาจะเลือกแอปเปิลแจคกับเรนโบว์แดช เพราะพวกเขาเป็นแบบทดสอบและตัวอย่างให้เรามีความสามัคคี ครั้งนี้เรนโบว์แดชและแอปเปิลแจคได้เรียนรู้บทเรียนเดียวกันจากนักเรียน "ไม่สำคัญว่าใครจะได้ที่หนึ่ง แต่มันสำคัญที่ว่าจะสามัคคีกันได้หรือไม่" พวกเขากลับมาเข้าใจกันและกันได้อีกครั้งก่อนที่จะลาจากกันไป แดชชี่ได้รับบทเรียนอีกครั้งและคงจะไม่ทำอีก
ต่อมาเธอก็ได้รับการเรียกตัวจากทไวไลท์ให้มาสาธยายถึงความสัมพันธ์ของเธอกับแรริตี้ ว่ามีตายร้ายดียังไง ให้กับกลุ่มนักเรียนฟัง ทำไมความรุนแรงกับความสง่างามถึงเข้ากันได้ มันต้องมีเหตุผล แต่พวกเขาดันคิดอะไรไม่ออกเลยพูดตามหัวของตัวเอง ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วที่จะขัดแย้งกัน จนทำให้มีการทะเลาะกันเองและเลยเถิด ทำให้นักเรียนสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทไวไลท์จึงลองให้ฝ่ายนึงทำในสิ่งที่อีกฝ่ายนึงชอบ ซึ่งก็...ด้วยความโกรธาที่ออกมาก่อนหน้านั้นเริ่มทำให้พวกเขาเกลียดขี้หน้าและหมั่นไส้กับกิจวัตรของอีกฝ่าย แม้สตาไลท์ที่ตอนนี้เป็นครูแนะแนวยังคุมไม่อยู่เลย ลองให้ทำอะไรแบบเดียวกันยังเกลียดขี้หน้าไม่หาย เรื่องมาถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ พวกเขาตัดเพื่อนกัน เพียงแค่ไม่ยอมรับและเปิดใจความแตกต่าง ทไวไลท์กับเหล่านักเรียนก็ประหลาดใจกับเหตุผลเล็กๆที่สามารถนำพาปัญหาพังมิตรภาพได้ และเมื่อมีปัญหามิตรภาพทไวไลท์จึงต้องแก้ไข เธอกับนักเรียนร่วมกันจัดฉากว่าทไวไลท์โดนลักพาตัวไป และมีแค่เรนโบว์แดชกับแรริตีที่ช่วยได้ แม้ตอนเเรกจะทะเลาะกันแต่สุดท้ายอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันต้องใช้ความสามัคคี พวกเขาใช้ทักษะและไหวพริบของตัวเองแก้ปัญหาจนมาพบทไวไลท์ที่จัดฉากได้ ตอนแรกเกือบมาทะเลาะกันอีกครั้งว่าเสียเวลาช่วยไปปล่าวๆ แต่ก็ต้องตั้งสติเพราะมีนักเรียนเป็นร้อยสังเกตพวกเขาอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะสำนึกได้ว่า ทะเลาะกันเพราะเรื่องโง่ๆอีกแล้ว แค่มีความชอบที่แตกต่างกันจะเป็นเพื่อนไม่ได้ด้วยหรือ มันไร้สาระทั้งเพ ตราบใดที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องยอมรับกันกับความแตกต่างของผู้อื่น และไม่ว่าจะยังไงต้องรักกันเสมอ พวกเขาขอโทษกันและกันและได้รับคำให้อภัยจากทไวไลท์และนักเรียน แม้ตอนแรกนักเรียนจะต้องเป็นผู้เรียนรู้แต่อาจารย์ซะเองที่ต้องเรียนรู้จากนักเรียน ในที่สุดแดชกับแรริตี้ก็มีความสุขและเอนจอยกับความชอบที่ต่างกัน พร้อมกับยอมรับในความแตกต่าง คราวนี้เรนโบว์แดชคงได้บทเรียนจากเรื่องง่าวๆอีกครั้งไม่รู้เท่าไหร่
Lightning Dust อดีตเพื่อนและคู่อริของเรนโบว์แดช ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับทีมกรีฑาสุกหฤโหดที่เธอตั้งเอง ทีมโหดมันส์ฮาที่โด่งดังของเธอนั้นนามว่า The Washout และวันนี้คือวันที่เธอกับทีมจะมาโชว์ที่โพนี่วิลล์ เรนโบว์แดชที่ทราบเรื่องพวกนั้นหลังจากพบกับเธอตอนการแสดงรอบแรกจบ ต่างคนต่างเคียดแค้นกันและกัน พร้อมกับทักทายที่ไม่ได้เจอกันนาน ก่อนที่สกูตาลูจะขัดจังหวะแดชและขอให้เขายอมให้เธอเข้าร่วมทีม แดชก็ห้ามปรามเพราะว่าการแสดงของยัยนั่นนั้นมันอันตรายเกินไปแถมยังเสี่ยงตายด้วย ลวดนาม ไฟเผา ใบเลื่อย ถ้าพลาดคือตายสถานเดียว แต่สกูตตี้น้องรักก็ไม่ยอมฟังและคิดว่าอยากให้เธอกลับไปบูชาแดชเหมือนเดิมก่อนหนีไป เธอขอฝากไลท์นิ่งไว้ก่อนเถอะ ดัสท์เองก็เช่นกัน เธอตามมาง้อสกูตตี้และถามไกล่เกลี่ย และขอโทษที่ตอนนั้นรุนแรงไปหน่อย สกูตก็เหมือนจะฟังแต่เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้า แดชไม่อยากให้ความสัมพันธ์กับคนรักจางหายจึงยอมให้สกูตตี้เข้าร่วมได้ แต่ อย่าให้มันเสี่ยงตายเอาเบาๆพอ การแสดงรอบสองมาแล้ว แต่แดชได้รับรู้ถึงความผิดปกติ จึงตามหาสกูตาลูและทราบว่าไลท์นิ่งดัสท์จะคิดแก้แค้นแดชที่ทำให้การสอบเข้าวอนเดอร์โบลท์ล้มเหลว ความเคียดแค้นยังเก็บอยู่ในตัวดัสท์และคอยที่จะหาวันล้างแค้นมาตลอดซึ่งก็คือวันนี้ เธอจะให้สกูตตาลูพุ่งไปตามประทัดและลอยเหินฟ้าพร้อมกับเป่ากระจุย แต่โชคดีที่แดชสามารถช่วยสกูตไว้ได้ทัน แล้วกรรมก็ติดจรวดมาหาดัสท์ที่ง่าวยืนตรงเชือกที่ติดกับประทัดพาเธอลอยฟ้า ซึ่งก็ไม่รู้ชะตากรรมของเธอว่าลูกน้องจะช่วยทันไหม แต่ก็น่าจะช่วยทันเพราะว่าไม่มีการระเบิด โชคดีนะที่แกรอด เรนโบว์แดชปลอมน้องสาวบุญธรรมที่ตกอยู่ในความรู้สึกผิด โชคดีที่พี่สามารถช่วยได้ทันไม่งั้นคงเละแล้ว แดชกับสกูตตาลูก็สามารถกลับมารักกันได้อีกครั้ง ตอนนี้เรนโบว์แดชสามารถช่วยชีวิตของน้องสาว(บุญธรรม)จากการล้างแค้นของศัตรูได้
ต่อมาเอเควสเทรียก็ได้สูญเสียเวทย์มนตร์อย่างประหลาด ถ้าแก้ไขไม่ทันจะถึงวันสิ้นโลก เรนโบว์แดชและเพื่อนคิดว่าต้องเป็นฝีมือของทิเรคแน่ๆ อดีตศัตรูที่เคยสู้กันในซีซั่น 4 ที่มีความสามารถในการดูดเวทย์มนตร์ พวกเขาจึงตัดสินใจไปยังคุกทาทารัสอันห่างไกลที่เป็นที่คุมขังเขา แต่นั่นเป็นแผนของโคลซี่โกลว์ เปกาซัสตัวน้อยที่น่ารัก ที่เข้ามาโรงเรียนมิตรภาพทไวไลท์เมื่อไม่นานมานี้ หนูน้อยตัวแสบนี่มีแผนลับตั้งแต่แรกคือการยึดพลังทั่วเอเควสเทรียและครองโลก แต่คราวนี้เรนโบว์แดชและเพื่อนไม่ได้ทำหน้าที่กอบกู้โลกไว้ เพราะ Young 6 นักเรียนดีเด่นประจำโรงเรียนที่สนิทกับพวกเขาได้ใช้ความรู้ที่รับมา รวมพลังจำกัดโคซี่โกลว์จนหมดฤทธิ์และถูกจับขังที่ ทาทารัส หลังทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ Young 6 ได้ขอบคุณ อาจารย์เรนโบว์แดชและเพื่อนของเธอ ที่สอนมิตรภาพและการอยู่ร่วมกันต่างๆนาๆจนสามารถชนะวายร้ายได้ แม้พวกเขา(Mane 6)จะติดกับดัก แต่ความคิดที่ฟังดูไร้สาระตอนแรกในการสร้างโรงเรียนกระจายมิตรภาพ จะสามารถสร้าง"ชีวิต"ให้กับสรรพสัตว์ทั้ง 6 ได้อย่างสมบูรณ์
---สรุปเหตุการ์ณในซีซั่น 8--- ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนมิตรภาพ มีโอกาสไปเล่นรถไฟเหาะที่จะปิดและสร้างความสัมพันธ์กับแก็งค์ยาย ร่วมกันจัดการแสดงการเบิกตะวันครั้งแรกของเซเลสเทีย ทำหนังแอปเปิลวูด ปรับความสัมพันธ์กับแอปเปิลแจคอีกครั้งพร้อมกับสร้างความประทับใจให้นักเรียน โดนพิ้งค์กี้ป่วนจากแอปเปิลวิเศษ กะตั้งแคมป์กับเพื่อนแต่ดันโดนตัวปลอมปั่นหัว โดนดิสคอร์ดเรียกหลอกๆ เล่นแผงๆกับแก็งค์ยาย ปรับความสัมพันธ์กับแรริตี้ เป็นกำลังใจให้พิ้งค์กี้เล่นดนตรีที่ไม่เก่ง ช่วยน้องสาวทันจากการแก้แค้นของอดีตเพื่อนไลท์นิ่งดัสท์ ช่วยฟลัทเทอร์ชายจากเครื่องรางสัตว์ ย้อนเวลากับเพื่อนไปเจอตัวเองในวัยเด็ก นักเรียนทั้ง 6 ที่ตัวเองกับเพื่อนอบรมสั่งสอนมาร่วมกันช่วยโลกไว้ได้ จากเด็กแสบโคซี่โกลว์(16)
ซีซั่น 9[]
เรนโบว์แดชกับเพื่อนได้ทราบว่าสองพี่น้องราชวงศ์จะทำการเกษียณและองค์หญิงเซเลสเทียก็ได้คัดเลือกผู้ปกครองที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ ทไวไลท์เพื่อนของเธอนั่นเอง ส่วนคนอื่นๆนั้นก็สามารถมีสิทธิปกครองได้ร่วมกันเป็นรัฐบาล แม้ตอนแรกทไวไลท์เองจะตื่นตระหนกเพราะว่ามันเร็วเกินไปและคิดว่ายังไม่พร้อม แต่ก็มีเพื่อนดีๆของเธอรวมถึงเรนโบว์แดชได้ให้กำลังใจว่า พวกเราเคยผ่านอะไรมามากมาย ทั้งไนท์แมร์มูน ดิสคอร์ด คริสซาลิสและอีกหลายอย่างนับไม่ถ้วน พวกเรามีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาอย่างโชกโชนโดยที่ไม่ต้องพึ่งองค์หญิง ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนเราก็ผ่านมาได้หมด และสิ่งเหล่านี้คือแบบทดสอบสำหรับเธอ ซึ่งเธอก็ผ่านหมดและคราวนี้ถึงเวลาที่ต้องรับช่วงต่อและมันต้องเวิร์คแน่นอน แต่ไม่นานต่อมาก็ได้รับข่าวว่าซอมบร้าแห่งความมืดนั้นกลับมาและถล่มอาณาจักรคริสตัล ซึ่งก็แน่นอนว่าพลังแห่งมิตรภาพของพวกเขาสามารถชนะได้อย่างง่ายดายด้วยธาตุแห่งความปรองดอง แต่...จริงหรอ? ในความเป็นจริงแล้วซอมบร้ามันแค่แกล้งตายและไปทำลายพฤกษาแห่งความปรองดองต่อหน้าพวกเขา แถมยังควบคุมจิตใจชาวเมืองโพนี่วิลล์และแคนเทอลอทให้ไปบุกปราสาทราชวงศ์ แม้ตอนแรกจะมีแค่ความสิ้นหวังและความโศกเศร้า แต่พวกเขาก็ลองใช้สมองและมิตรภาพตามตัวจนโค่นล้มและปราบซอมบร้าได้สำเร็จจริงๆสักที ทุกๆอย่างกลับมาเป็นปกติ แม้จะต้องเสียธาตุและพฤกษาแห่งความปรองดองไป แต่สุดท้ายทไวไลท์กับก็ได้รับคำชมจากเซเลสเทียว่า "ผู้นำที่ยิ่งใหญ่คือเป็นผู้นำที่สามารถยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและจะนำไปแก้ไข" พร้อมกับให้เวลาประมาณ 6 เดือนไปเตรียมพร้อมกับการเป็นองค์หญิง ส่วนเรนโบว์แดชกับคนอื่นๆน่ะหรอ พวกเขาก็ได้รับคำชื่นชมจากองค์หญิงกับประชาชนเช่นกัน เพราะเรนโบว์แดชกับเพื่อนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทไวไลท์ไต่เต้าเป็นผู้นำแห่งมิตรภาพได้ แม้ตอนแรกเรนโบว์แดชจะเคยถูกทไวไลท์ดูถูกความฝันตอนที่พบเจอ แต่เธอก็กลายเป็นหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของทไวไลท์ไปชั่วชีวิต เช่นเดียวกันกับเธอที่ได้เพื่อนอย่างทไวไลท์จนสามารถกลายเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและมีชื่อเสียงพอๆกับคนอื่นในแก็งค์
ต่อมาเรนโบว์แดชกับเพื่อนก็เผชิญหายนะด้วยกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นคอสมอสวายร้ายแห่งความอาฆาตพยาบาทได้ถูกปลดปล่อยจากเศษดาวที่พวกเขาแยกกันไปเก็บทั่วเอเควสเทรีย โดยมันเป็นวายร้ายที่เคยสร้างนรกบนดินเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ก็ได้ถูกจองจำบนอวกาศก่อนที่จะถูกดาวหางพุ่งชนและตกมายังโลก แม้มันจะมีพลังมหาศาลและความชั่วช้ามากแค่ไหน แต่สุดท้ายเมนซิกก็แพ้ไปจริงๆ ก่อนที่ดิสคอร์ดจะรวบรวมความกล้าไปจัดการและปราบมันได้สำเร็จเพราะเขาเคยเญหน้ากับมันมาก่อน ส่วนเมนซิกนั้นก็ปลอดภัยและทุกๆอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เกือบไม่รอดเเล้วเชียวดีที่ดิสคอร์ดช่วยไว้
ช่วงต่อมา เธอก็ยังได้เล่นเกมครอบครัวทไวไลท์กับเพื่อนแถมเอาจริงอีก ต่อมาเธอก็ได้พบกับควิบเบิลเเพ้นท์อีกครั้ง โพนี่ที่พบเจอตอนงานแดริ่งดู ซึ่งคราวนี้เธอก็ได้ช่วยให้เขาปรับความสัมพันธ์กับลูกเลี้ยงที่ไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียเลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าซื่อหรือปล่าว เพราะเธอกลับทำให้แพ้นท์ขายขี้หน้าต่อลูกแทน แต่อย่างน้อยท้ายที่สุดแพ้นท์กับลูกเลี้ยงก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันเธอก็เป็นคนดังจากการเป็นโค้ชกีฬาบัคบอลของทีมโพนี่วิลล์ที่เคยเป็นแชมป์เมื่อปีก่อนๆ ส่วนลูกทีมเป็นคนเดิมพิ้งค์กี้กับฟลัทเทอร์ชายที่ตอนนี้ก็เล่นเป็นจนโปร และไปแข่งยังสเตเดียม
ซีซั่น 10[]
ลักษณะนิสัย[]
ทักษะและความสามารถ[]
ความสัมพันธ์[]
ที่มาตัวละคร[]
ลักษณะดีไซน์[]
การปรากฏตัว[]
ตอนและคอมมิค[]
Equestria Girls[]
Pony Life[]
My Little Pony:A new Generation[]
หนังสือ[]
อืนๆ[]
คำพูด[]
อ้างอิง[]
ประวัติ(เรียงตามที่เขียน)[]
Issue 55-56,SS6 EP7,SS7 EP7,SS5 EP8,SS1 EP23,SS3 EP12,SS1 EP1-3
ลิ้งค์[]
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อPP
- ↑ 孩之宝商贸(中国)有限公司 (2019-04-14). 微博. Weibo. Archived from the original on 2019-04-15. Retrieved on 2019 เมษายน 14.
|