- สำหรับ เพลง เข้า Equestria (เพลง), Equestria, the Land I Love, และ Equestria, the Land I Love (ขับร้อง)
เอเควสเทรีย คือสถานทีดำเนินเรื่องหลักของแฟรนไชส์มายลิตเติลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษ เอเควสเรียเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยโดยเหล่าโพนี่และสรรพชีวิตอื่นๆ อาทิ พวกกริฟฟอน และพวกมังกร และสัตว์อื่นๆก็อาศัยอยู่ในเอเควสเทรียเช่นกัน เอเควสเทรียถูกเรียกเป็นอาณาจักรในตอนแรกของซีรี่ส์นี้และสื่ออื่นๆ แม้ว่าเอเควสเทรียเองจะมี"อาณาจักร"ภายในอย่างอาณาจักรคริสตัลก็ตาม; เอเควสเทรียถูกร่วมปกครองโดยสองพี่น้องอลิคอร์น; องค์หญิงเซเลสเทียกับองค์หญิงลูน่า ประทับในพระราชวังแห่งนครแคนเทอล็อทจนถึงการเกษียณในตอน The last Problem และมอบอำนาจให้ทไวไลท์ ชื่อ"เอเควสเทรีย" (Equestria) เป็นการนำมาจากคำว่า "equestrian" ซึ่งมีความหมายว่าการขี่ม้า ขณะเดียวกัน คำๆนี้ก็มีต้นกำเนิดจากคำว่า equud ซึ่งหมายถึง"ม้า"ในภาษาละติน
การผลิต[]
เมื่อ 10 ธันวาคม 2011 ศิลปินเค้าโครงในทีมงานเคยระบุว่าในตอนนั้น พวกเขายังไม่ได้ทำแผนที่เอเควสเทรียอย่างเป็นทางการออกมา[1] นั่นเป็นสาเหตุที่ลอเรน ฟาวส์ ออกมาคอมเม้นท์ในหน้าเว็บ DeviantArt ของเธอถึงตำแหน่งที่ตั้งในซีรี่ส์ว่า ป่าเอฟเวอร์ฟรีอยู่ทางตะวันตกของโพนี่วิลล์, ไร่แอปเปิลหวานอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ และกระท่อมของฟลัตเทอร์ชายกับทุ่งหญ้าอยู่ทางเหนือของฟาร์ม ซึ่งเดาได้ว่าอยู่ระหว่างโพนี่วิลล์และป่า แคนเทอล็อทอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโพนี่วิลล์ รวมถึงในการสัมภาษณ์ ทั้งลอเรน ฟาวส์ และเจสัน ธีสเซ่น เคยกล่าวว่าภูมิศาสตร์กับการดำเนินเนื้อเรื่องไม่ได้ถูกกำหนดออกมาชัดเจน ฉะนั้นพวกเขาอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อจำเป็น[2]
คำในภาษาอังกฤษที่คล้ายคลึงกับเอเควสเทรีย (Equestria) มากที่สุดคือ equestrian ซึ่งหมายถึง"เกี่ยวข้องกับการขี่ม้า" ซึ่งก็มาจากภาษาละตินอีกทีจากคำว่า equester หมายถึง "นักขี่ม้า" และ equus หมายถึง "ม้า" ซึ่งก็มีต้นตำรับจากคำว่า equine หมายถึงม้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้น "Equestria" จึงมีความหมายว่า "ดินแดนแห่งชาวม้า"
บทบาทในซีรี่ส์[]
ประวัติศาสตร์[]
- ดูเพิ่มเติม: เส้นกาลเวลา
ยุคก่อนเอเควสเทรีย[]
คามที่ลอร์ด ทีเร็กกล่าวในตอน The Beginning of the End - Part 1 เอเควสเทรียแต่ก่อนนั้นเคยเป็นแค่ทุ่งนาและทุ่งหญ้า จนกระทั่งโกรกราเข้ามายึดอำนาจและประกาศตัวเองว่าคือจักรพรรดิแห่งทุกอย่าง เขาได้สร้างสัตว์ประหลาดมากมายเพื่อล้อมและทำลายทุกหนทุกแห่ง แต่ในที่สุดก็มียูนิคอร์นนามว่ากัสตี้ผู้ยิ่งใหญ่ลุกขึ้นมาต่อต้านโกรกราและเนรเทศเขาไปได้
การก่อตั้งเอเควสเทรีย[]
เรื่องราวแห่งการก่อตั้งเอเควสเทรียนั้นถูกเล่าไว้ในตอน Hearth's Warming Eve
โดยตอนนี้เป็นการแสดงที่อ้างอิงมาจากการก่อตั้งเอเควสเทรีย มีสไปค์เป็นผู้บรรยาย ซึ่งอธิบายไว้ว่า: "แต่ละสามเผ่า พวกเปกาไซ พวกยูนิคอร์น และพวกม้าดิน ต่างไม่สนความเป็นอยู่ของอีกฝ่าย เพียงแต่การสงครามของพวกเขาอย่างเดียว ในช่วงเวลาอันยากลำบาก ณ ขณะนั้น พวกเปกาไซคือผู้ดูแลสภาพอากาศ แต่พวกเขาก็ต้องการผลตอบแทน: อาหารสามารถปลูกได้เพียงแค่ม้าดินเท่านั้น พวกยูนิคอร์นก็ต้องการเช่นเดียวกันเพื่อเป็นผลตอบแทนจากการใช้เวทย์มนตร์ควบคุมกลางวันและกลางคืน ด้วยเหตุนั้นเอง ความไม่ไว้วางใจระหว่างเผ่าได้บังเกิดขึ้น จนกระทั่งวันนั้น มันได้ปะทุขึ้นมา แล้วอะไรที่ทำให้พวกโพนี่ต้องปะทะกันหรือ มันคือพายุหิมะลึกลับที่มายึดพื้นที่และพรากความสงบสุขทั้งสามเผ่าไป"
พายุหิมะนำไปสู่การอดอยาก เช่นนี้เองผู้นำเผ่าทั้งสามจึงต้องร่วมกีบกันในการตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่นั่นดันทำให้พวกเขาทะเลาะและโทษกันเอง พวกผู้นำเผ่าจึงตัดสินใจแยกกันค้นหาดินแดนใหม่ พวกเขาลงเอยในที่เดียวกันและเริ่มสู้กันอีกครั้ง พายุหิมะตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว "และเช่นนั้น สรวงสวรรค์ที่พวกโพนี่พึ่งค้นพบก็หายไปในพริบตา ถูกฝังใต้กองหิมะที่หนาและความรู้สึกอันยากเข็ญ" ท้ายที่สุดผู้ช่วยของผู้นำเผ่าทั้งสามก็ค้นพบว่า พายุหิมะมาจากพวกวินดิโก้ที่ได้กลืนกินความเกลียดชังของโพนี่ต่างเผ่า ผู้ช่วยเหล่านั้นที่ไม่ได้มีความรู้สึกเดียวกับหัวหน้าของพวกเขาแม้แต่น้อย จึงตัดสินใจสร้างมิตรภาพต่อกันจนบังเกิดเป็น เพลิงแห่งมิตรภาพที่ขับไล่พวกวินดิโก้และพายุหิมะออกไป
ผู้นำทั้งสามเผ่าที่ตระหนักแล้ว ตัดสินใจร่วมกันก่อตั้งประเทศซึ่งทั้งสามเผ่าอยู่ร่วมกันพร้อมนามว่าเอเควสเทรีย
การปกครองของสองพี่น้องอลิคอร์น[]
ต่อมามีองค์หญิงอลิคอร์นสองพระองค์ขึ้นมาครองราชย์เอเควสเทรีย องค์พี่นามเซเลสเทียผู้เบิกตะวัน ส่วนองค์น้องนามลูน่าผู้เบิกจันทรา อย่างคำบบรรยายจากตอนแรกของซีรี่ส์ว่า "สองพี่น้องราชวงศ์ปกครองร่วมกันและสร้างความปรองดองทั่วทั้งดินแดน" และ "องค์พี่ใช้พลังยูนิคอร์นของพระองค์ในการเบิกตะวันยามรุ่งสาง องค์น้องเบิกจันทราเพื่อเริ่มตอนกลางคืน"
ยุคแห่งความวุ่นวายของดิสคอร์ด[]
เวลาที่ไม่ทราบได้ผ่านไป จนกระทั่งได้มีสิ่งมีชีวิตประเภทดราคอนนีคัสนามว่าดิสคอร์ด ปรากฏตัวขึ้นมายึดอำนาจและสร้างความโกลาหลทั่วเอเควสเทรีย สร้างความไม่สงบสุขและความทุกข์แก่เหล่าโพนี่ พระองค์ทั้งสองได้เห็นชีวิตแห่งความทุกข์จากราษฏร จนกระทั่งทั้งสองพระองค์ค้นพบธาตุแห่งความปรองดองและใช้มันปราบดิสคอร์ดและคุมขังเขาเป็นรูปปั้น
จันทราแห่งฝันร้าย[]
ความสงบสุขดำเนินมาเรื่อยๆ ราษฏรโพนี่เล่นและใช้ชีวิตในตอนกลางวันและหลับใหลในเวลาจันทรา แต่ความสงบสุขก็ไม่มีต่อไปเมื่อองค์น้องอย่างลูน่าเกิดอิจฉาองค์พี่เซเลสเทียที่ปวงชนโพนี่เอาแต่หลับใหลในเวลาของพระองค์แต่กลับร่าเริงในเวลาขององค์พี่ องค์หญิงลูน่าตัดสินใจปฏิเสธการควบคุมดวงจันทร์ให้เวลารุ่งสาง ความขมขื่นของพระองค์ทำให้พระองค์กลายร่างเป็น "อาชาชั่วร้ายแห่งอันธการ" ไนท์แมร์มูน องค์พี่ที่ไม่มีตัวเลือก จึงใช้พลังแห่งธาตุแห่งความปรองดองเนรเทศองค์น้องไปยังดวงจันทร์ ยอมทำหน้าที่ควบคุมทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า "มหาเซเลสเทีย/รอยแยกลูน่า" เวลาได้ผ่านไปเป็นสหัสวรรษ ไนท์แมร์มูนได้ออกจากการคุมขังและกลับมาทวงคืนองค์พี่ แต่ทัายที่สุดพระองค์ก็ถูกปราบด้วยธาตุแห่งความปรองดองอีกครั้งจากลูกศิษย์องค์พี่และเพื่อนใหม่ของเธอ และครั้งนี้พระองค์ตระหนักตนกลับตัวกลับใจได้และยอมเป็นองค์น้องที่ดีเหมือนเช่นเคย
เส้นเวลาที่ต่างไป[]
ในตอน The Cutie Re-Mark - Part 1 และ Part 2 ได้ปรากฏให้เห็นถึงเส้นเวลาที่ต่างไปของเอเควสเทรียในช่วงปัจจุบันที่เป็นผลจากการเปลี่ยนประวัติศาตร์ของสตาไลท์ กลิมเมอร์ ในเส้นเวลาแรกแสดงถึงราชาซอมบร้าขยายเขตแดนของอาณาจักรคริสตัลไปแล้วทั้งครึ่งดินแดนเอเควสเทรีย เกิดเป็นสงครามระหว่างเอคเวสเทรียกับซอมบร้า ซึ่งไม่มีความหวังเลยว่าเอเควสเทรียจะชนะหรือไม่ เส้นเวลาที่สอง เป็นราชินีคริสซาลิสและเชนจน์ลิ่งของนางได้ยึ้ครองแคนเทอล็อทและบางส่วนของเอเควสเทรีย ทำให้พวกโพนี่ต้องอยู่หลบๆซ่อนๆ เส้นเวลาที่สาม ไนท์แมร์มูนปกครองเอเควสเทรียหลังจากเนรเทศองค์พี่ไปบนดวงจันทร์ และอีกเส้นเวลาอื่นๆได้แก่ ดิสคอร์ดยึดครองได้อีกครั้ง ลอร์ด ทีเร็กเผาเอคเวสเทรียจนราบ พี่น้องฟลิมแฟลมถางทำลายป่าโพนี่วิลล์ และอันสุดท้ายที่เป็นเส้นเวลาที่เอเควสเทรียไม่เหลืออะไรเพียงแค่พื้นที่รกร้าง แต่ด้วยการกระทำของทไวไลท์ เส้นเวลาพวกนี้จึงหายไป
หลายจันทราต่อมา[]
หลายปีหลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในตอน The Ending of the End - Part 2 เซเลสเทียและลูน่าเกษียณ มอบอำนาจการปกครองเอเควสเทรียแก่ทไวไลท์ มีสไปค์เป็นผู้ปรึกษาหลวง และกัลลัสเป็นหัวหน้าองครักษ์ตัวหม่ เอเควสเทรียได้กลายเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่โพนี่ที่อาศัยอีกต่อไป
ยุคใหม่[]
ภาพยนตร์ G5 อย่าง มายลิตเติลโพนี่: เจนใหม่ไฟแรง ตั้งสถานที่อยู่ที่โลกเดิมในภาคมิตรภาพอันแสนวิเศษแต่เป็นช่วงอนาคต[3] ไม่มีการกล่าวถึงสถานที่ในเจเนเรชั่น 4 โพนี่สามเผ่า ม้าดิน เปกาไซ และยูนิคอร์นต่างอยู่แยกกันเป็นเมืองอย่าง แมร์ไทม์เบย์ แซฟเฟอร์ไฮจ์ และบริดเดิลวูด แต่เมืองเก่าๆอย่างโพนี่วิลล์และคลาวเดลล์ปรากฏอยู่ในแผนที่เอเควสเทรียโบราณ
สถานที่[]
- บทความหลัก: สถานที่
เอคเวสเทรียมีสถานที่อยู่มากมายเช่น โพนี่วิลล์ แคนเทอล็อท อาณาจักรคริสตัล เป็นต้น สถานที่บางที่นั้นไม่ถูกสำรวจและกล่าวถึงมากนัก
บทบาทอื่นๆ[]
สินค้า[]
แคนเทอล็อทเป็นจุดสนใจของกลุ่มของเล่นและสินค้าที่มีชื่อเดียวกัน กลุ่มของเล่นนี้มีโลโก้ทไวไลท์ สปาร์คเคิล และคำอธิบายว่า "แคนเทอล็อทเป็นเมืองราชวงศ์ในเอเควสเทรีย และเป็นที่ประทับขององค์หญิงเซเลสเทีย องค์หญิงอาศัยอยู่ในปราสาทมหัศจรรย์ โพนี่ทุกตัวใฝ่ฝันที่จะได้มาเยือนแคนเทอล็อท!"
อาณาจักรคริสตัลเป็นจุดสนใจของกลุ่มของเล่นชื่อเดียวกัน กลุ่มของเล่นนี้มีโลโก้ขององค์หญิงเคเดนซ์ และคำอธิบายว่า "ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรคริสตัล สถานที่มหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยความลับที่ซ่อนอยู่ เหล่าโพนี่เปล่งและประกายที่นี่!" แฟชั่นสไตล์คริสตัล องค์หญิงแคเดนซ์และไชน์นิ่งอาร์มเมอร์ หนึ่งในชุดของเล่นที่รวมอยู่ในกลุ่มของเล่นนี้มีคำอธิบายว่า "องค์หญิงแคเดนซ์ และไชน์นิ่งอาร์มเมอร์ ร่วมกันรับผิดชอบครั้งใหญ่! พวกเขาปกครองอาณาจักรคริสตัลไปด้วยกัน!"[4] The Crystal Princess Ponies Collection อีกหนึ่งชุดของเล่นที่รวมอยู่ในกลุ่มของเล่นนี้มีคำอธิบายว่า "เจ้าหญิงเซเลสเทียและเจ้าหญิงลูน่าเชื่อว่า องค์หญิงแคเดนซ์จะนำความสุขมาสู่อาณาจักรคริสตัล!"[5] ฟลัทเตอร์ชาย ของเล่นชิ้นเดียวสำหรับ รวมอยู่ในกลุ่มของเล่นชุดนี้ โดยมีคำอธิบายเป็นรายบุคคลว่า "ฟลัทเตอร์ชายมีงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อผูกมิตรกับโพนี่อาณาจักรคริสตัล พวกเขาดูขี้อายไม่แพ้เธอ!"[6]
ร้านค้าออนไลน์ WeLoveFine จำหน่ายหรือเคยขายสินค้าที่ออกแบบโดยแฟนๆ ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการหลายชิ้น โดยกล่าวถึง แอปเปิ้ลลูซ่า, แคนเทอล็อท, คลาวส์เดลล์, ฟิลลี่เดลเฟีย, โฟลเอโด้, ฮูฟฟิงตัน, เมนเชสเตอร์, เมนฮัตตัน, โพนี่วิลล์, ซานฟรานวิสโคลท์, ซีแอดเดิล, ทรอทติ้งแฮม และ วินนีแอโปลิส
แผนที่อย่างเป็นทางการและอื่นๆ[]
โปสเตอร์ที่แสดงถึงแผนที่ดินแดนเอเควสเทรียอย่างเป็นทางการเผยแพร่เมื่อ 3 สิงหาคม 2012[7] แผนที่เวอร์ขั่นใหม่ถูกเผยแพร่ในหนังสือMy Little Pony: The Art of Equestria เมื่อ 7 กันยายน 2015 ในแผนที่สังเกตได้ว่าเอเควสเทรียมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกับทวีปอเมริกาเหนือ มีเมืองหลายเมืองเช่นเมนฮัตตันและแวนฮูฟเวอร์ตั้งอยู่สถานที่เดียวหรือใกล้เคียงกันกับเวอร์ชั่นในโลกความเป็นจริง
สถานที่ดังต่อไปนี้ถูกนำเสนอในแผนที่อย่างเป็นทางการของเอเควสเทรีย แต่ไม่เคยปรากฏในสื่ออื่นๆของแฟรนไชส์ จากเหนือจรดทิศใต้ จากตะวันตกไปตะวันออก:
- อาณาเขตของบั๊กแบร์
- หมู่เกาะกริฟฟิช
- แดนตะวันตกที่ยังไม่ค้นพบ; ตามโปสเตอร์ตามใจของเธอของมายลิตเติลโพนี่: เจนใหม่ไฟเเรง พร้อมกับสมุดจดของG5[ระบุ] [ต้องการอ้างอิง] และแผนที่อย่างเป็นทางการของเอเควสเทรีย บริดเดิลวูดอยู่ใกล้ เมืองทอลเทลและ/หรือแดนตะวันตกที่ยังไม่ค้นพบ[หมายเหตุ 1]
- ทางใต้ลึกลับ
- อาณาเขตของอริมาสพิ
แผนที่ปรากฏในตอนPinkie Pride ในฉากย้อนความหลังของชีสแซนด์วิชในเพลงCheese Confesses บางส่วนของแถบตะวันตกเฉียงเหนือของแผนที่ปรากฏในตอน Daring Don't แผนที่เต็มๆปรากฏอีกครั้งใกล้ฉากจบของตอนTwilight's Kingdom - Part 2 เมื่อพลังสายรุ้งถูกใช้เป็นครั้งแรก[ระบุ]
แผนที่อีกเวอร์ชั่นที่ขยายพื้นที่มากขึ้นปรากฏในเกมมือถือมายลิตเติลโพนี่ค่าย Gameloft ตั้งแต่อัพเดท 4.0 ขึ้นไป บนหนังสือแหล่งที่มาภาพยนตร์อย่างเป็นทางการหน้า 14-15 และในวันที่ 16 เมษายน 2018 ถูกโพสต์โดยบัญชีโซเชียลมีเดียของเกมมือถือมายลิตเติลโพนี่ค่าย Gameloft[8][9] ระบุสถานที่ต่อไปนี้ที่ยังไม่ได้นำเสนอในสื่ออื่นใดในแฟรนไชส์: จากเหนือจรดใต้และตะวันตกไปตะวันออก:
- เข้าถึงได้ไกลที่สุด
- ถ้ำแห่งปริศนา
- หน้าผาฝันร้าย
- เกากะโหลกดำ ถูกกล่าวถึงในมายลิตเติลโพนี่ เดอะมูฟวี่ และหนังสือแหล่งที่มาภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ
- ทะเลเมฆ ปรากฏในหนังสือแหล่งที่มาภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ
- ทะเลสาบน้ำเค็มที่สาบสูญ
- ถ้ำกิริน
- บึงทากโทรลล์
- ป่าสนที่ขัดสน
- อาณาจักรของราชาสตอร์ม กล่าวถึงในหนังสือแหล่งที่มาภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ
- มหากำแพงธารน้ำแข็ง
สื่อการขาย[]
โฆษณานิวยอร์กไทม์กล่าวว่ามีโพนี่ที่มาเข้าร่วมงานวิวาห์แคนเทอล็อทในตอน A Canterlot Wedding - Part 2 จากเมืองแอปเปิ้ลลูซ่า, เหวกาลอปปิง, ฟิลลีเดลเฟีย, และเมนฮัตตัน[10]
แบบสำรวจความคิดเห็นที่โพสท์โดยเพจเฟสบุ๊คของ The Hub ที่ให้เลือกสถานที่ฮันนีมูนขององค์หญิงเคเดนซ์และไชน์นิ่ง อาร์มเมอร์ ได้แก่ แอปเปิ้ลลูซ่า, เหวกาลอปปิง, ฟิลลีเดลเฟีย, แซดเดิลอราเบีย และเมนฮัตตัน [11]
ส่วนคำถามเกี่ยวกับงานแต่งงานของมายลิตเติลโพนี่ ของไมโครไซต์ Pony Wedding ของ Hasbro อธิบายว่าอาณาจักรคริสตัลมี"วัฒนธรรม"
คอมมิค[]
หน้าปก F คอมมิคฉบับที่ #1 มีป้ายทั้งหมดเจ็ดป้ายบอกทางในฉากหลัง ได้แก่ แคนเทอล็อท, ซานแฟรงค์ซิสโก, เมนฮัตตัน, ซีแอดเดิล, วินนียาโปลิส, และเมือง[12]
ในฉบับ 'The Return of Queen Chrysalis Part 2' แสดงถึงแผนที่ทางตอนใต้ของเอเควสเทรียไล่ตั้งแต่เนินเขาแมคอินทัช
ในฉบับ Reflections เอเควสเทรียในอีกจักรวาลมีป้ายให้เห็นแปดป้ายได้แก่ ซานฟรานซิสโคลท์, บิทซ์เบิร์ก, และฮอร์ซูลูลู่
ในฉบับที่ห้า เรนโบว์แดชได้กล่าวถึงความคิดที่เอเควสเทรียสามารถส่งการโจมตีจาก"โพนี่นับล้าน"ไปจัดการพลังงานแห่งฝันร้ายได้
ซอฟต์แวร์และวิดีโอเกม[]
การก่อตั้งเอเควสเทรีย มีอธิบายไว้ในแอป iOS Twilight Sparkle: Teacher for a Day และเวอร์ชัน Ruckus Reader Twilight Sparkle's Special Lesson เพกาซัส ยูนิคอร์น และม้าดินไม่ได้อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี หัวใจของพวกเขาเย็นชา และพายุหิมะก็เข้าปกคลุมแผ่นดินของพวกเขา ม้าแต่ละกลุ่มตัดสินใจหาที่อยู่ใหม่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็มาถึงที่ใหม่เดิม แต่พายุหิมะก็ตามมา พวกม้าคิดว่ามีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะกำจัดพายุหิมะได้ คือปฏิบัติต่อกันอย่างอบอุ่น ยูนิคอร์นใช้เวทมนตร์เพื่อสร้างแคนเทอล็อท และเมื่อเมืองสร้างเสร็จ พวกเขาก็เชิญม้าเพกาซัสและม้าดินมางานปาร์ตี้ ซึ่งกลายเป็นงานประจำปีที่เรียกว่างานแกรนด์กาลอปปิงกาล่า
นิตยสาร[]
หนึ่งในคอมมิคในนิตยสารเยอรมันเล่าถึง ทไวไลท์ สปาร์คเคิล, แอปเปิ้ลแจ็ค และ สไปค์ เดินทางผ่าน ป่าเอฟเวอร์ฟรี ไปยังดินแดนนอกเอเควสเทรีย ที่ซึ่งพวกเขาพบทุ่งข้าวบาร์เลย์และใช้เวลาช่วงเย็นกับโพนี่ผู้ชายที่พวกเขาผูกมิตร ดินแดนด้านนอกของเอเควสเทรีย แตกต่างไปจากด้านในอย่างสิ้นเชิง ไม่มียูนิคอร์นหรือเพกาไซ ไม่มีเวทมนตร์ใดๆ และธรรมชาติก็ดูแลตัวเองด้วยตัวมันเอง[13]
หนังสือนิทาน[]
นครใต้น้ำอควาสเตรีย ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ลีโอ สิงโตทะเลลูกพี่ลูกน้องขององค์หญิงเซเลสเทีย ปรากฏในหนังสือภาพ My Little Pony: Under the Sparkling Sea[14] มันเป็นเมืองใต้น้ำที่เต็มไปด้วยโพนี่น้ำและนางเงือก เช่นเดียวกับสัตว์ทะเลอื่นๆ ในหนังสือ ตัวละครหลักได้มาเยือนอาณาจักรแห่งนี้[15] ซีโพนีถูกเรียกว่า"ลูกพี่ลูกน้อง"ของโพนี่บนบก
หนังสือบท Daring Do and the Marked Thief of Marapore นำเสนอหมู่บ้านไตรคอร์นเนอร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสามแห่งที่จัดเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารอบฐานของภูเขาไฟ เวฮูเวียส หมู่บ้านแต่ละแห่งเรียกว่ามาราโปร์, โพนี่เปอี และลูซิตาโน
หนังสือบท Daring Do and the Forbidden City of Clouds นำเสนอเมืองเมฆ เซอโรสตราตา มันวางอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขายูนิคอร์น ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเนื่องจากเวทมนตร์โบราณ เมืองนี้เต็มไปด้วยเอกาไซ ประเภทพิเศษที่มีหูยาวเหมือนกระต่ายและมีเส้นแนวตั้งสามเส้นใต้ตาข้างเดียว
ดูเพิ่มเติม[]
- หน้าคาดเดาของบทความนี้
หมายเหตุ[]
- ↑ มายลิตเติลโพนี่: เจนใหม่ไฟเเรงนั้นอยู่ในอนาคตจากมายลิตเติลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษและ มายลิตเติลโพนี่: โพนี่ไลฟ์.
อ้างอิง[]
- ↑ A layout artist regarding a Flash asset in Secret of My Excess. Retrieved on 2012 มกราคม 23. Archived locally.
- ↑ Interview with Jayson Thiessen 13–14 (2011-09-14). Retrieved on 2012 เมษายน 23.
- ↑ Elizabeth Foster (2021-01-29). My Little Pony rides high with new CP. Kidscreen. Brunico Communications. Retrieved on 2021 มกราคม 29.
- ↑ Crystal Empire FS Cadance and Shining Armor (2012-07-19). Retrieved on 2012 กรกฎาคม 20.
- ↑ New Crystal empire set Finally we know where that Luna came from. (2012-06-28). Retrieved on 2012 มิถุนายน 30.
- ↑ More Transluscent Ponies on Taobao + a Bit more Crystal Empire. Equestria Daily (2012-09-01). Retrieved on 2012 กันยายน 1.
- ↑ Official Map and Season 2 Cast Picture Show Up. Equestria Daily (2012-08-03). Retrieved on 2012 สิงหาคม 3.
- ↑ Imagine that you live in Ponyville and.... Facebook (2018-04-16). Retrieved on 2018 กรกฎาคม 22.
- ↑ My Little Pony Game on Instagram: “Imagine that you live in Ponyville and you're planning your pony-vacation... What places would you like to visit most? Comment below and…”. Instagram (2018-04-16). Retrieved on 2018 กรกฎาคม 22.
- ↑ Article image listing Appleloosa, Galloping Gorge, Fillydelphia, and Manehattan
- ↑ Facebook question listing Appleloosa, Galloping Gorge, Fillydelphia, Saddle Arabia, and Manehattan
- ↑ Rich Johnston (2012-10-30). Eighteen Of The Nineteen Covers For My Little Pony #1. Bleeding Cool. Retrieved on 2012 ตุลาคม 30.
- ↑ German MLP magazine comic - Unofficial translation (2011-08-04). Retrieved on 2013 พฤษภาคม 9.
- ↑ My Little Pony: Under the Sparkling Sea. Amazon.com. Retrieved on 2013 กุมภาพันธ์ 9.
- ↑ 'My Little Pony': First Looks at New Books!. Entertainment Weekly (2013-04-02). Archived from the original on 2013-05-02. Retrieved on 2013 เมษายน 3.
{{Location}